เมนู

เลยตลอดกาลประมาณเท่านี้. ท่านย่อมไม่ถือเอาแก้วมณี (แน่นอน)."
นายมณีการถามพระเถระว่า " ท่านขอรับ ท่านเอาแก้วมณีในที่นี้ไปหรือ? "
พระเถระ. เราไม่ได้ถือเอาดอก อุบาสก.
นายมณีการ. ท่านขอรับ ในที่นี้ไม่มีคนอื่น. ท่านต้องเอาไปเป็น
แน่, ขอท่านจงให้แก้วมณีแก่ผมเถิด.
เมื่อพระเถระนั้นไม่รับ, เขาจึงพูดกะภริยาว่า " พระเถระเอาแก้วมณี
ไปแน่, เราจักบีบคั้นถามท่าน. "
ภริยาตอบว่า " แน่ะนาย นายอย่าให้พวกเราฉิบหายเลย, พวกเรา
เข้าถึงความเป็นทาสเสียยังประเสริฐกว่า, ก็การกล่าวหาพระเถระผู้เห็น
ปานนี้ไม่ประเสริฐเลย. "

ช่างแก้วทำโทษพระติสสเถระเพราะเข้าใจผิด


นายช่างแก้วนั้นกล่าวว่า " พวกเราทั้งหมดด้วยกัน เข้าถึงความเป็น
ทาส ยังไม่เท่าค่าแก้วมณี " ดังนี้แล้ว จึงถือเอาเชือกพันศีรษะพระเถระ
ขันด้วยท่อนไม้. โลหิตไหลออกจากศีรษะหูและจมูกของพระเถระ. หน่วย
ตาทั้งสองได้ถึงอาการทะเล้นออก, ท่านเจ็บปวด1มาก ก็ล้มลง ณ ภาคพื้น.
นกกะเรียนมาด้วยกลืนโลหิต ดื่มกินโลหิต.

ช่างแก้วเตะนกกะเรียนตายแล้วจึงทราบความจริง


ขณะนั้น นายมณีการจึงเตะมันด้วยเท้าแล้วเขี่ยไปพลางกล่าวว่า
" มึงจะทำอะไรหรือ ? " ด้วยกำลังความโกรธที่เกิดขึ้นในพระเถระ. นก
กะเรียนนั้นล้มกลิ้งตายด้วยการเตะทีเดียวเท่านั้น. พระเถระเห็นนกนั้น จึง
กล่าวว่า " อุบาสก ท่านจงผ่อนเชือกพันศีรษะของเราให้หย่อนก่อนแล้ว
1. เวทนาปฺปตฺโต ถึงซึ่งเวทนา.

จงพิจารณาดูนกกะเรียนนี้ (ว่า) มันตายแล้วหรือยัง ?" ลำดับนั้น นาย
ช่างแก้วจึงกล่าวกะท่านว่า "แม้ท่านก็จักตายเช่นนกนั่น."
พระเถระตอบว่า "อุบาสก แก้วมณีนั้น อันนกนี้กลืนกินแล้ว.
หากนกนี้จักไม่ตายไซร้, ข้าพเจ้าแม้จะตาย ก็จักไม่บอกแก้วมณีแก่ท่าน."

ช่างแก้วได้แก้วมณีคืนแล้วขอขมาพระติสสเถระ


เขาแหวะท้องนกนั้นพบแก้วมณีแล้ว งกงันอยู่ มีใจสลด หมอบลง
ใกล้เท้าของพระเถระ กล่าวว่า " ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอดโทษแก่ผม, ผม
ไม่รู้อยู่ ทำไปแล้ว."
พระเถระ. อุบาสก โทษของท่านไม่มี. ของเราก็ไม่มี มีแต่โทษ
ของวัฏฏะเท่านั้น. เราอดโทษแก่ท่าน.
นายมณีการ. ท่านขอรับ หากท่านอดโทษแก่ผมไซร้. ท่านจงนั่ง
รับภิกษาในเรือนของผมตามทำนองเถิด.

พระเถระเห็นโทษของการเข้าชายคาเรือน


พระเถระกล่าวว่า " อุบาสก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจักไม่เข้า
ไปภายในชายคาเรือนของผู้อื่น เพราะว่านี้เป็นโทษแห่งการเข้าไปภายใน
เรือนโดยตรง. ตั้งแต่นี้ไป เมื่อเท้าทั้งสองยังเดินไปได้ เราจักยืนที่ประตู
เรือนเท่านั้น รับภิกษา " ดังนี้แล้ว สมาทานธุดงค์กล่าวคาถานี้ว่า
" ภัตในทุกสกุล ๆ ละนิดหน่อย อันเขาหุงไว้
เพื่อมุนี เราจักเที่ยวไปด้วยปลีแข้ง, กำลังแข้งของ
เรายังมีอยู่. "

ก็แล พระเถระ ครั้นกล่าวคาถานี้แล้ว ต่อกาลไม่นานักก็ปรินิพพาน
ด้วยพยาธินั้นนั่นเอง.