เมนู

ทรงแสดงอาการที่จะประทับนั่ง. พระเถระได้ปูลาดจีวรถวาย. พระศาสดา
ได้ประทับนั่งทำภัตกิจ ณ ภายนอกพระนครนั่นเอง. เทพดาในห้องแห่ง
จักรวาลทั้งสิ้น บีบโอชารสอันสมควรแก่เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย ให้
เหมือนรวงผึ้งแล้ว ใส่ลงในขนมนั้น. ส่วนนางปุณณาได้ยืนแลดูอยู่.
ในเวลาเสร็จภัตกิจ พระเถระได้ถวายน้ำ. พระศาสดาทรงทำภัตกิจ
เสร็จแล้ว ตรัสเรียกนางปุณณามา ตรัสว่า " ปุณณา เพราะเหตุไร เจ้า
จึงดูหมิ่นสาวกทั้งหลายของเรา ? "
นางปุณณา. หม่อมฉันมิได้ดูหมิ่น พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าแลดูสาวกทั้งหลายของเราแล้ว
คิดอย่างไร ?
นางปุณณา. หม่อมฉันคิดเท่านี้ว่า เราไม่ถึงความหลับ ก็เพราะ
อุปัทวันตรายคือทุกข์นี้ก่อน ท่านผู้เจริญทั้งหลายไม่เข้าถึงความหลับ เพื่อ
อะไรกัน, ความไม่ผาสุกจักมีแก่ภิกษุบางรูป หรืออุปัทวันตรายเพราะงู
จักมีเป็นแน่ พระเจ้าข้า.

สาวกของพระพุทธเข้าตื่นเสมอ


พระศาสดาทรงสดับคำของนางปุณณานั้นแล้ว จึงตรัสว่า " ปุณณา
เจ้าไม่หลับ เพราะอันตรายคือทุกข์ของตัวก่อน, ส่วนสาวกทั้งหลายของ
เรา ไม่หลับ เพราะความเป็นผู้ประกอบเนือง ๆ ซึ่งธรรมเครื่องตื่นอยู่
ทุกเมื่อ " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
6. สทา ชาครมานานํ อโหรตฺตานุสิกฺขินํ
นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา.

" อาสวะทั้งหลาย ของผู้ตื่นอยู่ทุกเมื่อ มีปกติ
ตามศึกษาทั้งกลางวันกลางคืน น้อมไปแล้วสู่พระ-
นิพพาน ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้. "

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บาทพระคาถาว่า อโหรตฺตานุสิกฺขินํ ได้แก่
ศึกษาไตรสิกขาอยู่ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน.
บาทพระคาถาว่า นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ ได้แก่ ผู้มีอัธยาศัยในพระ-
นิพพาน.
สองบทว่า อฏฺฐํ คจฺฉนฺติ ความว่า อาสวะทั้งหลายแม้ทั้งปวงของ
ผู้เห็นปานนั้น ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ คือความฉิบหาย ได้แก่ ความ
ไม่มี.
ในกาลจบเทศนา นางปุณณายืนอยู่ตามเดิมนั่นเอง ดำรงอยู่ใน
โสดาปัตติผลแล้ว. เทศนาได้มีประโยชน์แม้เเก่บริษัทผู้ประชุมกันแล้ว.

ภิกษุพากันสรรเสริญพระศาสดา


พระศาสดา ครั้นทรงทำภัตกิจด้วยขนมปิ้งที่ถ่านเพลิง ซึ่งทำด้วย
รำแล้ว ได้เสด็จไปวิหาร.
ภิกษุทั้งหลาย สนทนากันในโรงธรรมว่า " ผู้มีอายุทั้งหลาย กรรม
ทีทำได้ยากอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงทําภัตกิจ ด้วยขนมปิ้งซึ่งทำด้วย
รำ อันนางปุณณาถวาย ทรงทำแล้ว. "
พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่ง
ประชุมกันด้วยกถาอะไรหนอแล ? " เมื่อภิกษุทั้งหลาย กราบทูลว่า " ด้วย
เรื่องชื่อนี้ " ดังนี้แล้ว จึงตรัสว่า " ไม่ใช่ในบัดนี้เท่านั้น ภิกษุทั้งหลาย;