เมนู

แม้พระศาสดา ก็เสด็จดำเนินไปทางนั้นเหมือนกัน เพื่อเข้าบ้าน.
นางเห็นพระศาสดาแล้ว คิดว่า " ในวันอื่น ๆ ถึงเมื่อเราพบพระศาสดา,
ไทยธรรมของเราก็ไม่มี, เมื่อไทยธรรมมี, เราก็ไม่พบพระศาสดา; ก็บัดนี้
ไทยธรรมของเราก็มี, ทั้งพระศาสดาก็ปรากฏเฉพาะหน้า, ถ้าพระองค์ไม่
ทรงคิดว่า " ทานของเราเศร้าหมองหรือประณีต แล้วพึงรับไซร้, เรา
พึงถวายขนมนี้ " ดังนี้แล้ว จึงวางหม้อไว้ ณ ส่วนข้างหนึ่ง ถวายบังคม
พระศาสดา กราบทูลว่า " ขอพระองค์จงทรงรับทานอันเศร้าหมองนี้ ทำ
การสงเคราะห์แก่หม่อมฉันเถิด พระเจ้าข้า. "
พระศาสดา ทอดพระเนตรดูพระอานนทเถระแล้ว ทรงน้อมบาตร
ที่ท้าวมหาราชถวายไว้ อันพระอานนท์เถระนำออกถวาย รับขนม. แม้
นางปุณณา วางขนมนั้นลงในบาตรของพระศาสดาแล้ว ถวายบังคมด้วย
เบญจางคประดิษฐ์ กราบทูลว่า " ขอธรรมที่พระองค์ทรงเห็นแล้วนั่น-
แหละ จงสำเร็จแก่หม่อมฉันเถิด พระเจ้าข้า. " พระศาสดา ประทับยืน
อยู่นั่นแหละ ได้ทรงกระทำอนุโมทนาว่า " จงสำเร็จอย่างนั้น. "

พระศาสดาเสวยขนมของนางปุณณา


แม้นางปุณณาก็คิดว่า " พระศาสดา ทรงทำการสงเคราะห์แก่เรา
รับขนมก็จริง, ถึงกระนั้น พระองค์ก็จักไม่เสวยขนมนั้น; คงประทาน
ให้แก่กาหรือสุนัขข้างหน้า เสด็จไปยังพระราชมณเฑียรของพระราชาหรือ
เรือนของมหาอำมาตย์แล้ว จักเสวยโภชนะอันประณีตแน่แท้. "
แม้พระศาสดาก็ทรงดำริว่า " นางปุณณานั่น คิดอย่างไรหนอแล ? "
ทรงทราบวาระจิตของนางแล้ว จึงทอดพระเนตรดูพระอานนทเถระ แล้ว

ทรงแสดงอาการที่จะประทับนั่ง. พระเถระได้ปูลาดจีวรถวาย. พระศาสดา
ได้ประทับนั่งทำภัตกิจ ณ ภายนอกพระนครนั่นเอง. เทพดาในห้องแห่ง
จักรวาลทั้งสิ้น บีบโอชารสอันสมควรแก่เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย ให้
เหมือนรวงผึ้งแล้ว ใส่ลงในขนมนั้น. ส่วนนางปุณณาได้ยืนแลดูอยู่.
ในเวลาเสร็จภัตกิจ พระเถระได้ถวายน้ำ. พระศาสดาทรงทำภัตกิจ
เสร็จแล้ว ตรัสเรียกนางปุณณามา ตรัสว่า " ปุณณา เพราะเหตุไร เจ้า
จึงดูหมิ่นสาวกทั้งหลายของเรา ? "
นางปุณณา. หม่อมฉันมิได้ดูหมิ่น พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าแลดูสาวกทั้งหลายของเราแล้ว
คิดอย่างไร ?
นางปุณณา. หม่อมฉันคิดเท่านี้ว่า เราไม่ถึงความหลับ ก็เพราะ
อุปัทวันตรายคือทุกข์นี้ก่อน ท่านผู้เจริญทั้งหลายไม่เข้าถึงความหลับ เพื่อ
อะไรกัน, ความไม่ผาสุกจักมีแก่ภิกษุบางรูป หรืออุปัทวันตรายเพราะงู
จักมีเป็นแน่ พระเจ้าข้า.

สาวกของพระพุทธเข้าตื่นเสมอ


พระศาสดาทรงสดับคำของนางปุณณานั้นแล้ว จึงตรัสว่า " ปุณณา
เจ้าไม่หลับ เพราะอันตรายคือทุกข์ของตัวก่อน, ส่วนสาวกทั้งหลายของ
เรา ไม่หลับ เพราะความเป็นผู้ประกอบเนือง ๆ ซึ่งธรรมเครื่องตื่นอยู่
ทุกเมื่อ " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
6. สทา ชาครมานานํ อโหรตฺตานุสิกฺขินํ
นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา.