เมนู

แม้สองสามีภรรยานั้น มีใจยินดี เลี้ยงดูภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้า
เป็นประมุขแล้ว ทูลว่า " พระเจ้าข้า ขอพระองค์จงทรงรับภิกษาที่เรือน
นี้แหละเป็นนิตย์ " เมื่อพระศาสดาตรัสว่า " ธรรมดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ย่อมไม่ทรงรับภิกษาเป็นนิตย์ ในที่แห่งเดียวเท่านั้น. " จึงกราบทูลว่า
" ถ้ากระนั้น ขอพระองค์พึงส่งพวกคนที่มาเพื่อนิมนต์พระองค์ไปที่สำนัก
ของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า."
จำเดิมแต่นั้น พระศาสดาทรงส่งพวกคนที่มาเพื่อนิมนต์ไป ด้วย
พระดำรัสว่า " พวกท่านจงไปบอกแก่พราหมณ์เถิด. " คนที่มานิมนต์
เหล่านั้น ย่อมไปบอกกะพราหมณ์ว่า " เราทั้งหลาย ย่อมนิมนต์พระศาสดา
เพื่อฉันในวันพรุ่งนี้. "
ในวันรุ่งขึ้น พราหมณ์ย่อมถือภาชนะภัตและภาชนะแกง จากเรือน
ของตนไปสู่สถานที่พระศาสดาประทับนั่งอยู่. ก็ในเมื่อการนิมนต์ไป (ฉัน)
ในที่อื่นไม่มี พระศาสดาย่อมทรงทำภัตกิจที่เรือนของพราหมณ์นั้นแล.
แม้สองสามีภรรยานั้น ถวายไทยธรรมของตนแด่พระตถาคตอยู่ ฟังธรรม
กถาอยู่ตลอดกาลเป็นนิตย์ บรรลุอนาคามิผลแล้ว.

พระศาสดาตรัสบุรพประวัติของพราหมณ์


ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า " ผู้มีอายุทั้งหลาย พราหมณ์
ชื่อโน้น รู้ว่า ' พระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระบิดาของพระตถาคต, พระนาง
เจ้ามหามายาเป็นพระมารดา ' ทั้งรู้อยู่ (อย่างนั้น) แหละ พร้อมกับ
พราหมณ์เรียกพระตถาคตว่า ' บุตรของเรา.' ฝ่ายพระศาสดาก็ทรงรับรอง
อย่างนั้นเหมือนกัน; จักมีเหตุอะไรหนอแล ?