เมนู

5. เรื่องปัญหาที่ภิกษุทูลถาม [178]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อทรงอาศัยเมืองสาเกต ประทับอยู่ที่อัญชนวัน ทรง
ปรารภปัญหาที่ภิกษุทั้งหลายทูลถาม ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อหึสกา
เย "
เป็นต้น.

สองผัวเมียแสดงตนเป็นพุทธบิดาและพุทธมารดา


ดังได้สดับมา ในกาลที่พระผู้มีพระภาคเจ้ามีภิกษุสงฆ์แวดล้อม เสด็จ
เข้าไปในเมืองสาเกต เพื่อบิณฑบาต พราหมณ์เฒ่าชาวเมืองสาเกตคนหนึ่ง
กำลังเดินออกไปจากพระนคร พบพระทศพลที่ระหว่างประตู จึงหมอบ
ลงแทบพระบาททั้งสองแล้ว จับที่ข้อพระบาทไว้มั่น พลางกล่าวว่า " พ่อ
ธรรมดามารดาและบิดา อันพวกลูกชายพึงประคบประหงม ในเวลาที่
ท่านชราแล้วมิใช่หรือ ? เหตุไรเล่า พ่อจึงไม่แสดงตน (ให้ปรากฏ) แก่
ข้าพระองค์สิ้นกาลประมาณเพียงนี้ ? พระองค์อันข้าพระองค์เห็นก่อน,
ขอพระองค์จงเสด็จมาเยี่ยมมารดาบ้าง " ดังนี้แล้ว ก็ได้พาพระศาสดาไป
สู่เรือนของตน. พระศาสดาเสด็จไปที่เรือนนั้นแล้ว ประทับนั่งเหนือ
อาสนะซึ่งปูลาดไว้กับด้วยภิกษุสงฆ์.
ฝ่ายพราหมณี มาหมอบแทบพระบาททั้งสองของพระศาสดาแล้ว
ทูลว่า " พ่อ พ่อเป็นผู้ไปเสียที่ไหน สิ้นกาลประมาณเพียงนี้ ? ธรรมดา
มารดาและบิดา อันบุตรธิดาควรบำรุง ในเวลาที่ท่านแก่เฒ่ามิใช่หรือ ?
แล้วให้บุตรและธิดาทั้งหลายถวายบังคมด้วยคำว่า " พวกเจ้าจงมา, จง
ถวายบังคมพระพี่ชาย. "

แม้สองสามีภรรยานั้น มีใจยินดี เลี้ยงดูภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้า
เป็นประมุขแล้ว ทูลว่า " พระเจ้าข้า ขอพระองค์จงทรงรับภิกษาที่เรือน
นี้แหละเป็นนิตย์ " เมื่อพระศาสดาตรัสว่า " ธรรมดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ย่อมไม่ทรงรับภิกษาเป็นนิตย์ ในที่แห่งเดียวเท่านั้น. " จึงกราบทูลว่า
" ถ้ากระนั้น ขอพระองค์พึงส่งพวกคนที่มาเพื่อนิมนต์พระองค์ไปที่สำนัก
ของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า."
จำเดิมแต่นั้น พระศาสดาทรงส่งพวกคนที่มาเพื่อนิมนต์ไป ด้วย
พระดำรัสว่า " พวกท่านจงไปบอกแก่พราหมณ์เถิด. " คนที่มานิมนต์
เหล่านั้น ย่อมไปบอกกะพราหมณ์ว่า " เราทั้งหลาย ย่อมนิมนต์พระศาสดา
เพื่อฉันในวันพรุ่งนี้. "
ในวันรุ่งขึ้น พราหมณ์ย่อมถือภาชนะภัตและภาชนะแกง จากเรือน
ของตนไปสู่สถานที่พระศาสดาประทับนั่งอยู่. ก็ในเมื่อการนิมนต์ไป (ฉัน)
ในที่อื่นไม่มี พระศาสดาย่อมทรงทำภัตกิจที่เรือนของพราหมณ์นั้นแล.
แม้สองสามีภรรยานั้น ถวายไทยธรรมของตนแด่พระตถาคตอยู่ ฟังธรรม
กถาอยู่ตลอดกาลเป็นนิตย์ บรรลุอนาคามิผลแล้ว.

พระศาสดาตรัสบุรพประวัติของพราหมณ์


ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า " ผู้มีอายุทั้งหลาย พราหมณ์
ชื่อโน้น รู้ว่า ' พระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระบิดาของพระตถาคต, พระนาง
เจ้ามหามายาเป็นพระมารดา ' ทั้งรู้อยู่ (อย่างนั้น) แหละ พร้อมกับ
พราหมณ์เรียกพระตถาคตว่า ' บุตรของเรา.' ฝ่ายพระศาสดาก็ทรงรับรอง
อย่างนั้นเหมือนกัน; จักมีเหตุอะไรหนอแล ?