เมนู

ภรรยานายปุณณะถวายภัตแก่พระเถระ


นางพบพระเถระในระหว่างทางแล้ว คิดว่า " บางคราว เมื่อมี
ไทยธรรม, เราก็ไม่พบพระผู้เป็นเจ้า, บางคราว เมื่อเราพบพระผู้เป็น
เจ้า, ไทยธรรมก็ไม่มี, ก็วันนี้เราได้พบพระผู้เป็นเจ้าแล้ว, ทั้งไทยธรรม
ก็มีอยู่; พระผู้เป็นเจ้า จักทำความอนุเคราะห์แก่เราหรือหนอแล " นาง
วางภาชนะใส่ภัตลงแล้ว ไหว้พระเถระด้วยเบญจางคประดิษฐ์แล้ว กล่าว
ว่า " ท่านผู้เจริญ ขอพระผู้เป็นเจ้าอย่าคิดว่า ' ภัตนี้ เศร้าหมองหรือ
ประณีต ' จงทำความสงเคราะห์แก่ทาสของพระผู้เป็นเจ้าเถิด. "
พระเถระน้อมบาตรเข้าไป เมื่อนางเอามือข้างหนึ่งรองภาชนะ อีก
ข้างหนึ่งถวายภัตอยู่, เมื่อถวายไปได้ครึ่งหนึ่ง จึงเอามือปิดบาตรด้วยพูดว่า
" พอแล้ว. " นางกล่าวว่า " พระคุณเจ้า ส่วนเพียงส่วนเดียว ดิฉันไม่
อาจทำให้เป็นสองส่วนได้ พระผู้เป็นเจ้าไม่ต้องทำความสงเคราะห์แก่ทาส
ของพระผู้เป็นเจ้าในโลกนี้ จงทำความสงเคราะห์ในปรโลกเถิด, ดิฉัน
ประสงค์จะถวายมิให้เหลือเศษเลย " ดังนี้แล้ว ก็ได้ใส่ภัตทั้งหมดลงใน
บาตรของพระเถระ แล้วทำความปรารถนาว่า " ดิฉันพึงเป็นผู้มีส่วนแห่ง
ธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าเห็นแล้วนั่นแหละ."
พระเถระกล่าวว่า " จงสำเร็จอย่างนั้นเถิด " ยืนอยู่นั่นแหละ ทำ
อนุโมทนาเเล้ว ได้นั่งทำภัตกิจ ณ ที่สะดวกด้วยน้ำแห่งหนึ่ง.
ฝ่ายนางกลับไปหาข้าวสารหุงเป็นภัตแล้ว. แม้นายปุณณะที่ได้
ประมาณครึ่งกรีส ไม่อาจทนความหิวได้ จึงปล่อยโค เข้าไปยังร่มไม้
แห่งหนึ่ง นั่งคอยดูทางอยู่.
ลำดับนั้น ภรรยาของเขาถือภัตเดินไป พอเห็นเขาก็คิดว่า " เขา

ถูกความหิวบีบคั้น นั่งคอยดูเราอยู่แล้ว; ถ้าว่าเขาจักคุกคามเราว่า 'เจ้า
ชักช้าเหลือเกิน ' แล้วเอาด้ามปฏักฟาดเรา, กรรมที่เราทำแล้วจักเป็น
ของไร้ประโยชน์, เราจักต้องชิงบอกแก่เขาก่อนทีเดียว " ดังนี้แล้ว จึง
กล่าวอย่างนั้นว่า " นาย ท่านจงทำจิตให้ผ่องใสสักวันหนึ่งเถิด วันนี้,
อย่าได้ทำกรรมที่ดิฉันทำแล้วให้ไร้ประโยชน์, ก็ดิฉันนำภัตมาให้ท่านแต่
เช้าตรู่ พบพระธรรมเสนาบดีในระหว่างทาง จึงถวายภัตของท่านแก่
พระเถระนั้น แล้วไปหุงภัตมาใหม่, จงทำจิตให้เลื่อมใสเถิดนาย. " เขา
ถามว่า " เจ้าพูดอะไร ? นางผู้เจริญ " ได้สดับเรื่องนั้นซ้ำอีกแล้ว จึง
พูดว่า " นางผู้เจริญ เจ้าถวายภัตของเราแก่พระผู้เป็นเจ้า ทำความดีแล้ว
เทียว, เช้าตรู่วันนี้ แม้เราก็ได้ถวายไม้สีฟัน และน้ำบ้วนปากแก่พระผู้
เป็นเจ้าแล้ว " มีใจเลื่อมใสเพลิดเพลินถ้อยคำนั้นแล้ว เป็นผู้มีกายอ่อน
เพลีย เพราะได้ภัตในเวลาสาย พาดศีรษะบนตักของภรรยานั้นแล้วก็
หลับไป.

ทานของสามีภรรยาอํานวยผลในวันนั้น


ครั้งนั้น ที่ที่เขาไถไว้เเต่เช้าตรู่ ได้เป็นทองคำเนื้อสุกทั้งหมด จน
กระทั่งฝุ่นละลองดิน ตั้งอยู่งดงามดุจดอกกรรณิกา. เขาตื่นขึ้น แลเห็น
แล้ว จึงพูดกะภรรยาว่า " นางผู้เจริญ ที่ที่ฉันไถแล้วนั่น ปรากฏ
แก่ฉันเป็นทองคำทั้งหมด, เพราะฉันได้ภัตสายเกินไป ตาจะลายไปกระมัง
หนอ ?"
แม้ภรรยาองเขาก็รับรองว่า " ที่นั้น ก็ย่อมปรากฏแม้แก่ดิฉัน
อย่างนั้นเหมือนกัน. "
เขาลุกขึ้นไปในที่นั้น จับก้อนหนึ่งตีที่งอนไถแล้ว ทราบว่าเป็น