เมนู

ว่า ' เทพดาองค์โน้นฆ่าภิกษุเสีย ก็อย่างนี้เหมือนกัน ' แล้วจักฆ่าภิกษุ
ทั้งหลายเสีย; ก็ภิกษุนี้มีเจ้าของ เราจักต้องบอกกล่าวเธอแก่เจ้าของ
ทีเดียว." ลดมือที่ยกขึ้นแล้ว ร้องไห้ไปสู่สำนักของพระศาสดา ถวาย
บังคมแล้วยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะเธอว่า " ทําไมหรือ ? เทวดา "
เขาทูลว่า " พระเจ้าข้า สาวกของพระองค์แหละ ทำกรรทชื่อนี้. แม้
ข้าพระองค์ก็ใคร่จะฆ่าเธอ แต่คิดข้อนี้ได้ จึงไม่ฆ่า แล้วรีบมาที่นี้เทียว "
ดังนี้แล้ว กราบทูลเรื่องนั้นทั้งหมดโดยพิสดาร.
พระศาสดาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ตรัสว่า " ถูกแล้ว ๆ เทพดา
เธอข่มความโกรธที่เกิดขึ้นอย่างนั้นไว้อยู่ เหมือนห้ามรถกำลังหมุนไว้ได้
ชื่อว่าทำความดีแล้ว " ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
2. โย เว อุปฺปติตํ โกธํ รถํ ภนฺติ ธารเย
ตมหํ สารถิ พฺรูมิ รสฺมิคฺคาโห อิตโร ชโน.
" ผู้ใดแล พึงสะกดความโกรธที่พลุ่งขึ้นเหมือน
คนห้ามรถที่กำลังแล่นไปได้, เราเรียกผู้นั้นว่า
' สารถี ' ส่วนคนนอกนี้เป็นเพียงผู้ถือเชือก. "

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุปฺปติตํ ได้แก่ ที่เกิดขึ้นแล้ว.
สองบทว่า รถํ ภนฺตํว ความว่า เหมือนอย่างนายสารถีผู้ฉลาด
ห้ามรถที่แล่นอยู่โดยกำลังเร็ว หยุดไว้ได้ตามต้องการ ชื่อฉันใด; บุคคล
ใด พึงสะกด คืออาจข่มความโกรธที่เกิดขึ้นไว้ได้ ก็ฉันนั้น.
บทว่า ตมหํ ความว่า เราเรียกบุคคลนั้นว่า สารถี.