เมนู

การสร้างเจดีย์ในสมัยก่อน


ทีนั้น พวกเขาได้มีปริวิตกนี้ว่า " หรดาลและมโนสิลาจักเป็นดิน-
เหนียว. น้ำมันงาจักเป็นน้ำเชื้อ. " พวกเขาตำหรดาลและมโนสิลาแล้ว
ผสมกับน้ำมันงา ก่อด้วยอิฐ ปิดด้วยทองคำ แล้วเขียนลวดลายข้างใน.
แต่ที่มุขภายนอกมีอิฐเป็นทองทั้งแท่งเทียว. อิฐแผ่นหนึ่ง ๆ ได้มีค่าแสน
หนึ่ง. พวกเขาเมื่อเจดีย์สำเร็จแล้ว จนถึงกาลจะบรรจุพระธาตุ คิดกัน
ว่า " ในกาลบรรจุพระธาตุ ต้องการทรัพย์มาก. พวกเราจักทำใครหนอ
แล ให้เป็นหัวหน้า ? "

แย่งกันเป็นหัวหน้าในการบรรจุพระธาตุ


ขณะนั้น เศรษฐีบ้านนอกคนหนึ่ง กล่าวว่า " ข้าพเจ้า จักเป็น
หัวหน้า " ได้ใส่เงิน 1 โกฏิ ในที่บรรจุพระธาตุ. ชาวแว่นแคว้นเห็นกิริยา
นั้น ติเตียนว่า " เศรษฐีในกรุงนี้ ย่อมรวบรวมทรัพย์ไว้ถ่ายเดียว, ไม่
อาจเป็นหัวหน้าในเจดีย์เห็นปานนี้ได้. ส่วนเศรษฐีบ้านนอก ใส่ทรัพย์
1 โกฏิ เป็นหัวหน้าทีเดียว."
เศรษฐีในกรุงนั้น ได้ยินถ้อยคำของชนเหล่านั้นแล้ว กล่าวว่า
" เราจักให้ทรัพย์ 2 โกฏิแล้วเป็นหัวหน้า " ได้ให้ทรัพย์ 2 โกฏิแล้ว.
เศรษฐีบ้านนอกคิดว่า " เราเองจักเป็นหัวหน้า " ได้ให้ทรัพย์ 3
โกฎิ. ครั้นเศรษฐีทั้ง 2 เพิ่มทรัพย์กันด้วยอาการอย่างนั้น. เศรษฐีในกรุง
ได้ให้ทรัพย์ 8 โกฏิแล้ว.
ส่วนเศรษฐีบ้านนอก มีทรัพย์ 9 โกฏิเท่านั้นในเรือน. เศรษฐีใน
กรุงมีทรัพย์ 40 โกฏิ. เพราะฉะนั้น เศรษฐีบ้านนอก จึงคิดว่า " ถ้า
เราให้ทรัพย์ 9 โกฏิไซร้. เศรษฐีนี้จักกล่าวว่า " เราจักให้10 โกฏิ."

เมื่อเป็นเช่นนั้น ความหมดทรัพย์ของเราจักปรากฏ " เธอจึงกล่าวอย่างนั้น
ว่า " เราจักให้ทรัพย์ประมาณเท่านี้, และเราทั้งลูกและเมียจักเป็นทาสของ
เจดีย์ ดังนี้แล้ว พาบุตรทั้ง 7 คน สะใภ้ทั้ง 7 คนและภริยา มอบ
แก่เจดีย์พร้อมกับตน.

เศรษฐีบ้านนอกได้เป็นหัวหน้า


ชาวแว่นแคว้นทำเศรษฐีบ้านนอกนั้นให้เป็นหัวหน้า ด้วยอ้างว่า
"ชื่อว่าทรัพย์ใคร ๆ ก็อาจให้เกิดขึ้นได้, แต่เศรษฐีบ้านนอกนี้พร้อมทั้ง
บุตรและภริยา มอบตัว (เฉพาะเจดีย์). เศรษฐีนี้แหละจงเป็นหัวหน้า."
ชนทั้ง 16 คนนั้น ได้เป็นทาสของเจดีย์ด้วยประการฉะนี้. แต่ชาวแว่น-
แคว้นได้ทำพวกเขาให้เป็นไท. แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ปฏิบัติเจดีย์
นั้นแล ดำรงอยู่ตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว บังเกิดในเทวโลก.
เมื่อชนเหล่านั้น อยู่ในเทวโลกตลอด 1 พุทธันดร ในพุทธุปบาทนี้ ภริยา
จุติจากเทวโลกนั้น บังเกิดเป็นธิดาเศรษฐีในกรุงราชคฤห์.

คติของผู้ไม่เห็นสัจจะไม่แน่นอน


นางยังเป็นเด็กหญิงเทียว บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว. ก็ชื่อว่าปฏิสนธิ
ของสัตว์ผู้ยังไม่เห็นสัจจะ เป็นภาระหนัก เพราะฉะนั้น สามีของนาง
จึงเวียนกลับไปเกิดในสกุลพรานเนื้อ. ความสิเนหาในก่อนได้ครอบงำ
ธิดาของเศรษฐี พร้อมกับการเห็นนายพรานกุกกุฏมิตรนั้นแล. จริงอยู่
แม้พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ตรัสคำนี้ไว้ว่า
" ความรักนั้น ย่อมเกิด เพราะอาศัยเหตุ 2
ประการ อย่างนี้ คือ เพราะการอยู่ร่วมกันในกาล