เมนู

7. เรื่องเด็ก 500 คน [171]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเวฬัวัน ทรงปรารภเด็ก 500
ในระหว่างทาง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " สีลทสฺสนสสมฺปนฺนํ "
เป็นต้น.

พระศาสดาเสด็จบิณฑบาต พบเด็ก 500 คน


ความพิสดารว่า วันหนึ่งพระศาสดามีภิกษุ 500 เป็นบริวารพร้อม
ด้วยพระอสีติมหาเถระ เสด็จเข้าไปกรุงราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาต ได้ทอด
พระเนตรเห็นเด็ก 500 คน ยกกระเช้าขนมออกจากเมืองแล้วไปสวน ใน
วันมหรสพวันหนึ่ง แม้เด็กเหล่านั้น ถวายบังคมพระศาสดาแล้วก็หลีกไป.
ไม่กล่าวกะภิกษุแม้สักรูปหนึ่งว่า " ขอท่าน รับเอาขนม ? "
พระศาสดาตรัสกะภิกษุทั้งหลาย ในกาลที่ภิกษุเหล่านั้นไปแล้ว ว่า
" ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจักฉันขนมไหม ? "
ภิกษุ. ขนมที่ไหน ? พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. เธอทั้งหลายไม่เห็นพวกเด็กถือกระเช้าขนมเดินผ่านไป
แล้วดอกหรือ ?
ภิกษุ. พวกเด็กเห็นปานนั้น ไม่ถวายขนมแก่ใคร ๆ พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. ภิกษุทั้งหลาย เด็กเหล่านั้นไม่นิมนต์เราหรือพวกเธอ
ด้วยขนมก็จริง. ถึงกระนั้น ภิกษุผู้เป็นเจ้าของขนม ก็กำลังมาข้างหลัง
ฉันขนมเสียก่อนแล้วไป จึงควร.

ตามธรรมดา พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่มีความริษยาหรือความ
ประทุษร้ายแม้ในบุคคลคนหนึ่ง; เพราะฉะนั้น พระศาสดาตรัสคำนี้แล้ว
จึงพาภิกษุสงฆ์ไปประทับนั่งใต้ร่มเงาโคนไม้ต้นหนึ่ง.
พวกเด็ก เห็นพระมหากัสสปเถระเดินมาข้างหลัง เกิดความรักขึ้น
มีสรีระเต็มเปี่ยมด้วยกำลังแห่งปีติ วางกระเช้า ไหว้พระเถระด้วยเบญ-
จางคประดิษฐ์ ยกขนมพร้อมทั้งกระเช้าทีเดียวแล้ว กล่าวกะพระเถระว่า
" นิมนต์รับเถิด ขอรับ. "
ลำดับนั้น พระเถระกล่าวกะเด็กเหล่านั้นว่า " นั่น พระศาสดาพา
พระภิกษุสงฆ์ไปประทับนั่งแล้วที่โคนไม้, พวกเธอจงถือไทยธรรมไป
แบ่งส่วนถวายภิกษุสงฆ์." พวกเด็กรับคำว่า " ดีละ ขอรับ " แล้วกลับ
ไปพร้อมกับพระเถระทีเดียว ถวายขนมแล้ว ยืนมองดูอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง
แล้ว ได้ถวายน้ำในเวลาฉันเสร็จ.

พวกภิกษุโพทะนาพวกเด็กผู้ถวายขนม


ภิกษุทั้งหลายโพนทะนาว่า " พวกเด็กถวายภิกษาเพราะเห็นแก่หน้า,
ไม่ต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระมหาเถระทั้งหลายด้วยขนม เห็น
พระมหากัสสปเถระแล้ว ถือเอาขนมพร้อมด้วยกระเช้านั่นแลมาแล้ว."

พระศาสดาทรงยกพระมหากัสสปเป็นนิทัศนะ


พระศาสดา ทรงสดับถ้อยคำของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า " ภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุผู้เช่นกับมหากัสสปผู้บุตรของเรา ย่อมเป็นที่รักของเหล่า
เทวดาและมนุษย์ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมทำบูชาด้วยปัจจัย 4 แก่
เธอโดยแท้ " ดังนี้ แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า :-