เมนู

นางทาสี ถึงที่นั้นแล้วได้ยืนคอยการมาของนายพรานอยู่. แม้นายพรานก็
ขับเกวียนออกไปแต่เช้าตรู่. ผ่ายนางก็เดินตามหลังนายพรานนั้นไป. เขา
เห็นนางจึงพูดว่า " ข้าพเจ้าไม่รู้จักเจ้าว่า ' เป็นธิดาของผู้ชื่อโน้น .' แน่ะ
แม่ เจ้าอย่าตามฉันไปเลย. " นางตอบว่า "ท่านไม่ได้เรียกฉันมา ฉัน
มาตามธรรมดาของตน. ท่านจงนิ่ง ขับเกวียนของตนไปเถิด." เขาห้าม
นางแล้ว ๆ เล่า ๆ ทีเดียว. ครั้นนางพูดกับเขาว่า " อันการห้ามสิริอันมา
สู่สำนักของตนย่อมไม่ควร " นายพรานทราบการมาของนางเพื่อตนโดย
ไม่สงสัยแล้ว ได้อุ้มนางขึ้นเกวียนไป.
มารดาบิดาของนางให้คนหาข้างโน้นข้างนี้ก็ไม่พบ สำคัญว่า " นาง
จักตายเสียแล้ว " จึงทำภัตเพื่อผู้ตาย1. แม้นางอาศัยการอยู่ร่วมกับนาย-
พรานนั้น คลอดบุตร 7 คนโดยลำดับ ผูกบุตรเหล่านั้นผู้เจริญวัยเติบโต
แล้ว ด้วยเครื่องผูกคือเรือน2.

กุกกุฏมิตรอาฆาตในพระพุทธเจ้า


ภายหลังวันหนึ่ง พระศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลกในเวลาใกล้รุ่ง
ทรงเห็นนายพรานกุกกุฏมิตรกับบุตรและสะใภ้ เข้าไปภายในข่ายคือพระ-
ญาณของพระองค์ ทรงใคร่ครวญว่า " นั่นเหตุอะไรหนอแล ? " ทรง
เห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรคของชนเหล่านั้นแล้ว ทรงถือบาตรและ
จีวร ได้เสด็จไปที่ดักบ่วงของนายพรานนั้นแต่เช้าตรู่. วันนั้นแม้เนื้อ
สักตัวหนึ่งก็มิได้ติดบ่วง.
พระศาสดาทรงแสดงรอยพระบาท ที่ใกล้บ่วงของเขาแล้วประทับ
นั่งที่ใต้ร่มพุ่มไม้พุ่มหนึ่งข้างหน้า. นายพรานกุกกุฏมิตรถือธนูไปสู่บ่วง
1. ทำบุญเลี้ยงพระแล้วอุทิศผลบุญให้ผู้ตาย. 2. จัดแจงแต่งงานให้มีเหย้าเรือน.

แต่เช้าตรู่ ตรวจดูบ่วงจำเดิมแต่ต้น ไม่พบแม้ตัวเดียวซึ่งติดบ่วง ได้
เห็นรอยพระบาทของพระศาสดาแล้ว. ทีนั้นเขาได้ดำริฉะนี้ว่า " ใครเที่ยว
ปล่อยเนื้อตัวติด (บ่วง) ของเรา." เขาผูกอาฆาตในพระศาสดา เมื่อเดิน
ไปก็พบพระศาสดาประทับนั่งที่โคนพุ่มไม้คิดว่า " สมณะองค์นี้ปล่อยเนื้อ
ของเรา. เราจักฆ่าสมณะนั้นเสีย." ดังนี้แล้ว ได้โก่งธนู.
พระศาสดาให้โก่งธนูได้ (แต่) ไม่ให้ยิง (ธนู) ไปได้. เขาไม่อาจ
ทั้งเพื่อปล่อยลูกศรไป ทั้งลดลง มีสีข้างทั้ง 2 ปานดังจะแตกมีน้ำลายไหล
ออกจากปาก เป็นผู้อ่อนเพลีย ได้ยืนอยู่แล้ว.
ครั้งนั้น พวกบุตรของเขาไปเรือนพูดกันว่า " บิดาของเราล่าช้า
อยู่. จักมีเหตุอะไรหนอ ?" อันมารดาส่งไปว่า " พ่อทั้งหลาย พวกเจ้า
จงไปสู่สำนักของบิดา." ต่างก็ถือธนูไปเห็นบิดายืนอยู่เช่นนั้น คิดว่า " ผู้
นี้ จักเป็นปัจจามิตรของบิดาพวกเรา." ทั้ง 7 คนโก่งธนูแล้ว ได้ยืนอยู่
เหมือนกับบิดาของพวกเขายืนแล้ว เพราะอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า.

กุกกุฏมิตรเลิกอาฆาตในพระพุทธเจ้า


ลำดับนั้น มารดาของพวกเขาคิดว่า " ทำไมหนอแล ? บิดา (และ)
บุตรจึงล่าช้าอยู่ " ไปกับลูกสะใภ้7 คน เห็นชนเหล่านั้นยืนอยู่อย่างนั้น
คิดว่า " ชนเหล่านั้นยืนโก่งธนูต่อใครหนอแล ?" แลไปก็เห็นพระศาสดา
จึงประคองแขนทั้ง 2 ร้องลั่นขึ้นว่า " พวกท่านอย่ายังบิดาของเราให้
พินาศ พวกท่านอย่ายังบิดาของเราให้พินาศ."
นายพรานกุกกุฏมิตรได้ยินเสียงนั้นแล้ว คิดว่า " เราฉิบหายแล้ว
หนอ, นัยว่า ผู้นั้นเป็นพ่อตาของเรา. ตายจริง เราทำกรรมหนัก." แม้
พวกบุตรของเขาก็คิดว่า " นัยว่า ผู้นั้นเป็นตาของเรา, ตายจริง เราทำ