เมนู

6. เรื่องปุโรหิตชื่ออัคคิทัต. [153]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา (เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน) ประทับนั่งบนกอง
ทราย ทรงปรารภปุโรหิตของพระเจ้าโกศล ชื่ออัคคิทัต ตรัสพระธรรม-
เทศนานี้ว่า " พหุํ เว สรณํ ยนฺติ " เป็นต้น.

อัคคิทัตได้เป็นปุโรหิตถึง 2 รัชกาล


ดังได้สดับมา อัคคิทัตนั้น ได้เป็นปุโรหิตของพระเจ้ามหาโกศล.
ครั้นเมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้ว พระราชาทรงพระนามว่า ปเสนทิโกศล
ทรงดำริว่า " ผู้นี้เป็นปุโรหิตแห่งพระชนกของเรา " จึงตั้งเขาไว้ใน
ตำแหน่งนั้นนั่นแล ด้วยความเคารพ ในเวลาเขามาสู่ที่บำรุงของพระองค์
ทรงทำการเสด็จลุกรับ. รับสั่งให้พระราชทานอาสนะเสมอกัน ด้วยพระ-
ดำรัสว่า " อาจารย์ เชิญนั่งบนอาสนะนี้. "

อัคคิทัตออกบวชนอกพระพุทธศาสนา


อัคคิทัตนั้น คิดว่า " พระราชานี้ทรงทำความเคารพในเราอย่าง
เหลือเกิน, แต่เราก็ไม่อาจเอาใจของพระราชาทั้งหลายได้ตลอดกาลเป็น
นิตย์เทียว; อนึ่ง พระราชาก็เยาว์วัย ยังหนุ่มน้อย, ชื่อว่าความเป็นพระ-
ราชากับด้วยคนผู้มีวัยเสมอกันนั่นแล เป็นเหตุให้เกิดสุข; ส่วนเราเป็นคน
แก่, เราควรบวช " เขากราบทูลให้พระราชาพระราชทานพระบรมราชา-
นุญาตการบรรพชาแล้ว ให้คนตีกลองเที่ยวไปในพระนครแล้ว สละทรัพย์
ของตนทั้งหมดในเพราะการให้ทานเป็นใหญ่ตลอด 7 วันแล้ว บวชเป็น
นักบวชภายนอก. บุรุษหมื่นหนึ่งอาศัยอัคคิทัตนั้น บวชตามแล้ว. อัคคิทัต

นั้นพร้อมด้วยนักบวชเหล่านั้น สำเร็จการอยู่ในระหว่างแคว้นอังคะ แคว้น
มคธะและแคว้นกุรุ (ต่อกัน) ให้โอวาทนี้ว่า " พ่อทั้งหลาย บรรดาเธอ
ทั้งหลาย ผู้ใดมีกามวิตกเป็นต้น เกิดขึ้น, ผู้นั้นจงขนหม้อทรายหม้อหนึ่ง ๆ
จากแม่น้ำ (มา) เกลี่ยลง ณ ที่นี้. " พวกนักบวชเหล่านั้นรับว่า " ดีละ " ใน
เวลากามวิตกเป็นต้นเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำอย่างนั้น. โดยสมัยอื่นอีก ได้มีกอง
ทรายใหญ่แล้ว. นาคราชชื่อ อหิฉัตตะ หวงแหนกองทรายใหญ่นั้น. ชาว
อังคะ มคธะ และชาวแคว้นกุรุ นำเครื่องสักการะเป็นอันมากไป ถวาย
ทานแก่พวกนักบวชเหล่านั้นทุกๆเดือน.

อัคคิทัตสอนประชาชนให้ถึงสรณะ


ครั้งนั้น อัคคิทัตได้ให้โอวาทแก่ชนเหล่านั้น ดังนี้ว่า " พวกท่าน
จงถึงภูเขาเป็นสรณะ, จงถึงป่าเป็นสรณะ, จงถึงอารามเป็นสรณะ, จงถึง
ต้นไม้เป็นสรณะ; พวกท่านจักพ้นจากทุกข์ทั้งสิ้นได้ด้วยอาการอย่างนี้ "
กล่าวสอนแม้ซึ่งอันเตวาสิกของตน ด้วยโอวาทนี้เหมือนกัน.

พระมหาโมคคัลลนะไปทรมานอัคคิทัต


ฝ่ายพระโพธิสัตว์ เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ทรงบรรลุสัมมา-
สัมโพธิแล้ว ในสมัยนั้น ทรงอาศัยกรุงสาวัตถี ประทับอยู่ในพระเชตวัน.
ในเวลาจวนรุ่งทรงตรวจดูสัตว์โลก ทรงเห็นอัคคิทัตพราหมณ์พร้อมด้วย
อันเตวาสิก ผู้เข้าไปภายในข่ายคือพระญาณของพระองค์แล้ว ทรงทราบ
ว่า " ชนเหล่านั้นแม้ทั้งหมด เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยแห่งพระอรหัต "
ในตอนเย็น ตรัสกะพระมหาโมคคัลลานเถระว่า " โมคคัลลานะ เธอเห็น
อัคคิทัตพราหมณ์ผู้ยังมหาชนให้เเล่นไปโดยทางไม่ใช่ท่าไหม ? เธอจงไป,
ให้โอวาทแก่มหาชนเหล่านั้น. "