เมนู

เหมือนด้วยบุรุษคนนี้ไม่มี. บุรุษคนนี้ เป็นผู้สมควรแก่ธิดาของเรา, เรา
จะให้ธิดาแก่บุรุษคนนี้ " แล้วกราบทูลพระศาสดาว่า " สมณะ เรามีธิดา
อยู่คนหนึ่ง. เรายังไม่เห็นบุรุษผู้ที่สมควรแก่นาง จึงไม่ได้ให้นางแก่ใครๆ
เลย, ส่วนท่านเป็นผู้สมควรแก่นาง, เราใคร่จะให้ธิดาแก่ท่าน ทำให้เป็น
หญิงบำเรอบาท ท่านจงรออยู่ในที่นี้แหละ จนกว่าเราจะนำธิดานั้นมา. "
พระศาสดาทรงสดับถ้อยคำของเขาแล้วไม่ทรงยินดีเลย (แต่) ไม่ทรงห้าม.

รอยพระบาทจะปรากฏเพราะทรงอธิษฐาน


ฝ่ายพราหมณ์ ไปเรือนแล้ว บอกกะนางพราหมณีว่า " นางผู้เจริญ
วันนี้ เราเห็นบุรุษผู้สมควรแก่ธิดาของเราแล้ว, พวกเราจักให้ธิดานั้นแก่
เขา " ให้ธิดาตกแต่งกายแล้ว ได้พาไปยังที่นั้นพร้อมด้วยนางพราหมณี.
แม้มหาชนก็ตื่นเต้น พากันออกไป (ดู). พระศาสดาไม่ได้ประทับยืนอยู่
ในที่ที่พราหมณ์บอกไว้ ทรงแสดงเจดีย์ คือรอยพระบาทไว้ในที่นั้นแล้ว
ได้ประทับยืนเสียในที่อื่น. ทราบว่าเจดีย์ คือ รอยพระบาทของพระพุทธ-
เจ้าทั้งหลาย ย่อมปรากฏในที่ที่พระองค์ทรงอธิษฐานว่า " บุคคลชื่อโน้น
จงเห็นเจดีย์ คือรอยเท้านี้ " แล้วทรงเหยียบไว้เท่านั้น. ชื่อว่า ผู้ที่จะเห็น
เจดีย์ คือรอยพระบาทนั้นในที่ที่เหลือไม่มี. พราหมณ์ ถูกนางพราหมณี
ผู้ไปกับตนถามว่า " บุรุษนั้นอยู่ที่ไหน " จึงบอกว่า " ฉันได้สั่งเขาไว้
แล้วว่า ่ ท่านจงรออยู่ที่นี้ ' พลางมองหาอยู่ พบรอยพระบาทแล้ว จึง
ชี้ว่า นี้รอยเท้าของเขา. "

รอยเท้าเป็นเครื่องแสดงลักษณะของคน


นางพราหมณีนั้นกล่าวร่า " พราหมณ์ นี้ ไม่ใช่รอยเท้าของบุคคล
ผู้บริโภคกาม " เพราะความที่นางเป็นคนฉลาดในมนต์เครื่องทำนาย

ลักษณะ, เมื่อพราหมณ์พูดว่า " นางผู้เจริญ เจ้าเห็นจระเข้ในตุ่มน้ำ.
สมณะนั้นเราบอกแล้วว่า ' เราจักให้ธิดาแก่เขา ' ถึงเขาก็รับคำของเรา
แล้ว, " กล่าวว่า " พราหมณ์ ท่านบอกอย่างนั้นก็จริง. ถึงดังนั้น รอยเท้า
นี้ เป็นรอยเท้าของผู้หมดกิเลสทีเดียว ดังนี้แล้ว กล่าวคาถานี้ว่า :-
" ก็คนเจ้าราคะ พึงมีรอยเท้ากระโหย่ง (เว้า
กลาง) คนเจ้าโทสะ ย่อมมีรอยเท้าอันส้นบีบ (หนัก
ส้น) คนเจ้าโมหะย่อมมีรอยเท้าจิกลง (หนักทาง
ปลายเท้า) คนมีกิเลสเครื่องมุงบังอันเปิดแล้วมีรอย
เท้าเช่นนี้ นี้. "

ทีนั้น พราหมณ์จึงบอกนางพราหมณีว่า " นางผู้เจริญ เจ้าอย่าอึง
ไป. จงเป็นผู้นิ่งมาเถิด " ไปพบพระศาสดาแล้ว จึงแสดงแก่นางพราหมณี
นั้นว่า " นี้ คือ บุรุษคนนั้น. " แล้วเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ทูลว่า " สมณะ
เราจะให้ธิดา. " พระศาสดา ไม่ตรัสว่า " เราไม่ต้องการด้วยธิดาของ
ท่าน " (กลับ) ตรัสว่า " พราหมณ์ เราจักบอกเหตุสักอย่างหนึ่งแก่ท่าน.
ท่านจักฟังไหม ? " เมื่อพราหมณ์ทูลว่า " สมณะผู้เจริญ ท่านจงกล่าว,
ข้าพเจ้าจักฟัง. จึงทรงนำเรื่องอดีต ตั้งแต่ครั้งออกมหาภิเนษกรมณ์มา
แสดงแล้ว.
กถาโดยย่อในเรื่องนั้น ดังต่อไปนี้ :-
" พระมหาสัตว์ ทรงละสิริราชสมบัติ ทรงขึ้นม้ากัณฐกะ (ม้าสีขาว)
มีนายฉันนะเป็นสหาย เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ เมื่อมารยืนอยู่ที่ประตู
แห่งพระนคร กล่าวว่า " สิทธัตถะ ท่านจงกลับเสียเถิด แต่วันนี้ไปใน

วันที่ 7 จักรรัตนะจักปรากฏแก่ท่าน. จึงตรัสว่า " มาร ถึงเราก็รู้จักร-
รัตนะนั้น. แต่เราไม่มีความต้องการด้วยจักรรัตนะนั้น. "
มาร. เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านออกไปเพื่อประโยชน์อะไร ?
พระมหาสัตว์. เพื่อประโยชน์แก่สัพพัญญุตญาณ.
มาร. ถ้าเช่นนั้น ตั้งแต่วันนี้ไป บรรดาวิตกทั้งสามมีกามวิตกเป็น
ต้น ท่านจะต้องตรึกวิตกแม้สักอย่างหนึ่ง เราจักรู้กิจที่ควรทำแก่ท่าน.
ตั้งแต่นั้นมา มารนั้นคอยเพ่งจับผิด ติดตามพระมหาสัตว์ไป 7 ปี
แม้พระศาสดาทรงประพฤติทุกรกิริยาสิ้น 6 ปี ทรงอาศัยการกระทำ
(ความเพียร) ของบุรุษ เฉพาะพระองค์ ทรงแทงตลอดซึ่งพระสัพพัญญุต-
ญาณ เสวยวิมุตติสุข (สุขอันเกิดจากความพ้นกิเลส) ที่ควงไม้โพธิ ใน
สัปดาห์ที่ 5 ประทับนั่งที่ควงไม้อชปาลนิโครธ.

มารเสียใจเพราะพระองค์ตรัสรู้


ในสมัยนั้น มารถึงความโทมนัสแล้ว นั่งที่หนทางใหญ่ พลางรำพึง
ว่า " เราติดตามมาตลอดกาลมีประมาณเท่านี้ แม้คอยเพ่งจับผิด ก็ไม่ได้
เห็นความพลั้งพลาดอะไร ๆ ของสิทธัตถะนี้, บัดนี้ เธอก้าวล่วงวิสัยของ
เราไปเสียแล้ว. " ทีนั้น ธิดาของมารนั้นสามคนเหล่านี้ คือ นางตัณหา
นางอรดี นางราคา ดำริว่า " บิดาของเราไม่ปรากฏ. บัดนี้ ท่านอยู่ที่ไหน
หนอ ? เที่ยวมองหาอยู่ จึงเห็นบิดานั้นผู้นั่งแล้วอย่างนั้น จึงเข้าไปหา
แล้วไต่ถามว่า " คุณพ่อ เพราะเหตุไร คุณพ่อจึงมีทุกข์เสียใจ " มาร
นั้น จึงเล่าเนื้อความแก่ธิดาเหล่านั้น. ลำดับนั้น ธิดาเหล่านั้น จึงบอก
กะมารผู้บิดานั้นว่า " คุณพ่อ คุณพ่ออย่าคิดเลย. พวกดิฉันจักทำเขาให้
อยู่ในอำนาจของตนแล้วนำมา. "