เมนู

คาถาธรรมบท


พุทธวรรค1ที่ 14


ว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้า


[24] 1. กิเลสชาตมีราคะเป็นต้น อันพระสัมมาสัม-
พุทธเจ้า พระองค์ใดชนะแล้ว อันพระองค์ย่อมไม่-
กลับแพ้ กิเลสหน่อยหนึ่งในโลกย่อมไปหากิเลสชาต
ที่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นชนะแล้วไม่ได้ พวกเจ้าจัก
นำพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีอารมณ์ไม่มีที่สุด ไม่มี
ร่องรอยไปด้วยร่องรอยอะไร ตัณหามีข่ายซ่านไปตาม
อารมณ์ต่าง ๆ ไม่มีแก่พระพุทธเจ้าพระองค์ใด เพื่อ
นำไปในภพไหนๆ พวกเจ้าจักนำพระพุทธเจ้าพระ-
องค์นั้น ผู้มีอารมณ์ไม่มีที่สุด ไม่มีร่องรอยไปด้วย
ร่องรอยอะไร.

2. พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใดเป็นปราชญ์ ขวน-
ขวายในฌาน ยินดีแล้วในธรรมที่เข้าไปสงบ ด้วย-
สามารถแห่งการออก แม้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ก็ย่อมรักใคร่ต่อพระสัมพุทธเจ้าผู้มีสติเหล่านั้น
.
3. ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์เป็นการยาก ชีวิต
ของสัตว์ทั้งหลายเป็นอยู่ยาก การฟังพระสัทธรรม

1. วรรคนี้ มีอรรถกถา 9 เรื่อง.

เป็นของยาก การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
เป็นการยาก.

4. ความไม่ทำบาปทั้งสิ้น ความยังกุศลให้ถึง
พร้อม ความทำจิตของตนให้ผ่องใส นี้เป็นคำ
สอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ความอดทนต่อความ
อดกลั้น เป็นธรรมเผาบาปอย่างยิ่ง ท่านผู้รู้ทั้งหลาย
ย่อมกล่าวพระนิพพานว่าเป็นเยี่ยม ผู้ทำร้ายผู้อื่นไม่
ชื่อว่าบรรพชิต ผู้เบียดเบียนผู้อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็น
สมณะ ความไม่กล่าวร้าย 1 ความไม่ทำร้าย 1
ความสำรวมในพระปาติโมกข์ 1 ความเป็นผู้รู้ประ-
มาณในภัตตาหาร 1 ที่นั่งที่นอนอันสงัด 1 ความ
ประกอบโดยเอื้อเฟื้อในอธิจิต 1 นี่เป็นคำสอนของ
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

5. ความอิ่มในกามทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพราะฝน
คือกหาปณะ กามทั้งหลายมีรสอร่อยน้อย มีทุกข์
มาก บัณฑิตรู้แจ้งดังนี้แล้ว ย่อมไม่ถึงควานยินดีใน
กามทั้งหลาย แม้ที่เป็นทิพย์ พระสาวกของพระ-
สัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเป็นผู้ยินดีในความสิ้นไปแห่ง
ตัณหา.

6. มนุษย์เป็นอันมากถูกภัยคุกคามแล้ว ย่อมถึง
ภูเขา ป่า อาราม และรุกขเจดีย์ ว่าเป็นที่พึ่ง สรณะ

นั่นแลไม่เกษม สรณะนั่นไม่อุดม เพราะบุคคลอาศัย
สรณะนั่นย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ส่วนบุคคล
ใดถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่ง
ย่อมเห็นอริยสัจ 4 (คือ) ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์
ความก้าวล่วงทุกข์ และมรรคมีองค์ 8 อันประเสริฐ
ซึ่งยังสัตว์ให้ถึงความสงบแห่งทุกข์ ด้วยปัญญาชอบ
สรณะนั่นแลของบุคคลนั้นเกษม สรณะนั่นอุดม
เพราะบุคคลอาศัยสรณะนั่น ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
ได้.

7. บุรุษอาชาไนยหาได้ยาก (เพราะว่า) บุรุษ
อาชาไนยนั้น ย่อมไม่เกิดในที่ทั่วไป บุรุษอาชาไนย
นั้นเป็นนักปราชญ์ ย่อมเกิดในตระกูลใด ตระกูลนั้น
ย่อมถึงความสุข.

8. ความเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งทลาย เป็น
เหตุนำสุขมา การแสดงธรรมของสัตบุรุษเป็นเหตุนำ
สุขมา ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นเหตุนำสุขมา
ความเพียรของชนผู้พร้อมเพรียงกัน เป็นเหตุนำสุข
มา.

9. ใครๆไม่อาจเพื่อจะนับบุญของบุคคลผู้บูชาอยู่
ซึ่งท่านผู้ควรบูชา คือพระพุทธเจ้า หรือว่าพระสาวก
ทั้งหลายด้วย ผู้ก้าวล่วงปัญจธรรม เครื่องเนิ่นช้า
ได้แล้ว ผู้มีความเศร้าโศกและความคร่ำครวญ อัน

ข้ามพ้นแล้ว (หรือว่า) ของบุคคลผู้บูชาอยู่ ซึ่งท่าน
ผู้ควรบูชาเช่นนั้นเหล่านั้น ผู้นิพพานแล้ว ไม่มีภัย
แต่ที่ไหน ๆ ด้วยการนับแม้วิธีไร ๆ ก็ตาม ว่าบุญนี้
มีประมาณเท่านี้.

จบพุทธวรรคที่ 14

14. พุทธวรรควรรณนา


1. เรื่องมารธิดา [148]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ที่โพธิมัณฑสถาน ทรงปรารภธิดามาร
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ยสฺส ชิตํ " เป็นต้น.

พราหมณ์หาสามีให้ลูกสาว


ก็พระศาสดา ทรงยังพระธรรมเทศนาให้ตั้งขึ้นที่กรุงสาวัตถีแล้ว
ตรัสแก่พราหมณ์ชื่อมาคันทิยะ ในเเคว้นกุรุอีก.
ทราบว่า ในแคว้นกุรุ ธิดาของมาคันทิยพราหมณ์ ชื่อว่ามาคันทิยา
เหมือนกัน ได้เป็นผู้มีรูปงามเลอโฉม. พราหมณ์มหาศาลเป็นอันมาก
และเหล่าขัตติยมหาศาลอยากได้นางมาคันทิยานั้น จึงส่งข่าวไปแก่มาคัน-
ทิยะว่า " ขอจงให้ธิดาแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด. " แม้มาคันทิยพราหมณ์
ก็ห้ามพราหมณ์มหาศาล และขัตติยมหาศาลเสียทั้งหมดเหมือนกันว่า " พวก
ท่าน ไม่สมควรแก่ธิดาของข้าพเจ้า. " ต่อมาวันหนึ่ง ในเวลาใกล้รุ่ง
พระศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลก ทรงเห็นมาคันทิยพราหมณ์เข้าไปภายใน
แห่งข่ายคือพระญาณของพระองค์ จึงทรงใคร่ครวญว่า " จักมีเหตุอะไร
หนอ ? " ได้ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งมรรคและผลทั้ง 3 ของพราหมณ์และ
นางพราหมณี. ฝ่ายพราหมณ์ก็บำเรอไฟอยู่เป็นนิตย์ ภายนอกบ้าน. พระ-
ศาสดาได้ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จไปยังที่นั้นแต่เช้าตรู่. พราหมณ์
ตรวจดูรูปสิริของพระศาสดา พลางคิดว่า " ขึ้นชื่อว่าบุรุษในโลกนี้ ที่จะ