เมนู

มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขทีเดียว. มหาเศรษฐีพอเห็นเขาก็คิดว่า " วันนี้
เราชอบใจอาการของบุตร." แม้นายกาละนั้นก็ได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า
" โอหนอ วันนี้ บิดาของเราไม่พึงให้กหาปณะในที่ใกล้พระศาสดา
พึงปกปิดความที่เราเป็นผู้รักษาอุโบสถเพราะเหตุแห่งกหาปณะไว้. " แต่
พระศาสดา ได้ทรงทราบความที่นายกาละนั้น เป็นผู้รักษาอุโบสถ เพราะ
เหตุแห่งกหาปณะแล้วในวันวาน มหาเศรษฐีให้ถวายข้าวต้มแก่ภิกษุสงฆ์
มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขแล้ว จึงสั่งให้ ๆ แม้แก่บุตร. นายกาละนั้นเป็น
ผู้นั่งนิ่งเทียว ดื่มข้าวต้ม เคี้ยวของควรเคี้ยว บริโภคภัต.
ในเวลาเสร็จภัตกิจของพระศาสดา มหาเศรษฐีให้บุคคลวางห่อ
กหาปณะพันหนึ่งไว้ตรงหน้าบุตรแล้ว พูดว่า " พ่อ พ่อพูดว่า 'จักให้'
กหาปณะพันหนึ่งแก่เจ้า' จึงให้เจ้าสมาทานอุโบสถ ส่งไปวิหาร นี้กหา-
ปณะพันหนึ่งของเจ้า. " นายกาละนั้น เห็นกหาปณะที่บิดาให้เฉพาะพระ-
พักตร์ของพระศาสดา ละอายอยู่ จึงพูดว่า " ผมไม่ต้องการด้วยกหาปณะ
ทั้งหลาย " แม้ถูกบิดาพูดว่า " จงรับเถิด พ่อ " ก็ไม่รับแล้ว.

โสดาปัตติผลเลิศกว่าสมบัติทุกอย่าง


ลำดับนั้น บิดาของเขาถวายบังคมพระศาสดาแล้ว กราบทูลว่า
" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้ ข้าพระองค์ ชอบใจอาการของบุตร " เมื่อ
พระศาสดาตรัส ถามว่า " อะไร ? มหาเศรษฐี " จึงกราบทูลว่า " ใน
วันก่อน บุตรของข้าพระองค์นี้ อันข้าพระองค์พูดว่า 'เราจักให้กหาปณะ
10 แก่เจ้า ' แล้วส่งไปวิหาร ในวันรุ่งขึ้น ยังไม่ได้รับกหาปณะแล้ว