เมนู

ทำทานให้ยิ่งกว่าทานของชาวพระนครเหล่านั้นไซร้. ประโยชน์อะไร
ของเราด้วยชีวิตเล่า " ดังนี้แล้ว ได้บรรทมดำริถึงอุบายอยู่.

พระนางมัลลิกาทรงจัดทาน


ลำดับนั้น พระนางมัลลิกาเทวีเข้าไปเฝ้าท้าวเธอแล้ว ทูลถามว่า
" ข้าแต่มหาราชเจ้า. เพราะเหตุไร พระองค์จึงเป็นผู้บรรทมอย่างนี้ ? "
พระราชาตรัสว่า " เทวี บัดนี้ เธอยังไม่ทราบหรือ ? "
พระเทวี. หม่อมฉันยังไม่ทราบ พระเจ้าข้า.
ท้าวเธอตรัสบอกเนื้อความนั้นแก่พระนางแล้ว.
ลำดับนั้น พระนางมัลลิกากราบทูลท้าวเธอว่า " ข้าแต่สมมติเทพ
พระองค์อย่าทรงดำริเลย. พระราชาผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน อันชาวพระนคร
ทั้งหลายให้พ่ายแพ้อยู่ พระองค์เคยทอดพระเนตรหรือ หรือเคยสดับแล้ว
ที่ไหน ? หม่อมฉันจักจัดแจงทานแทนพระองค์."
พระนางกราบทูลแด่ท้าวเธออย่างนี้ เพราะความที่พระนางเป็น
ผู้ใคร่จะจัดแจงอสทิสทาน แล้วกราบทูลว่า " ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอ
พระองค์จงรับสั่งให้เขาทำมณฑปสำหรับนั่งภายในวงเวียน เพื่อภิกษุ
ประมาณ 500 รูป ด้วยไม้เรียบที่ทำด้วยไม้สาละและไม้ขานาง พวกภิกษุ
ที่เหลือจักนั่งภายนอกวงเวียน; ขอจงรับสั่งให้ทำเศวตฉัตร 500 คัน.
ช้างประมาณ 500 เชือก จักถือเศวตฉัตรเหล่านั้น ยืนกั้นอยู่เบื้องบน
แห่งภิกษุประมาณ 500 รูป. ขอจงรับสั่งให้ทำเรือสำเร็จด้วยทองคำอันมี
สีสุก สัก 8 ลำ หรือ 10 ลำ, เรือเหล่านั้นจักมี ณ ท่ามกลางมณฑป.
เจ้าหญิงองค์หนึ่ง ๆ จักนั่งบดของหอมอยู่ในระหว่างภิกษุ 2 รูป ๆ, เจ้า
หญิงองค์หนึ่ง ๆ จักถือพัดยืนพัดภิกษุ 2 รูป ๆ, เจ้าหญิงที่เหลือ จักนำ