เมนู

กล่าวว่า " พวกเธอ จงให้นางนั้นสึกเสีย. " นางภิกษุณีสาวนั้น ฟังคำนั้น
แล้ว กล่าวว่า " แม่เจ้า ขอแม่เจ้าทั้งหลาย อย่าให้ดิฉันฉิบหายเสียเลย.
ดิฉันมิได้บวชเจาะจงพระเทวทัต, แม่เจ้าทั้งหลาย จงมาเถิด จงนำดิฉัน
ไปสู่พระเชตวัน ซึ่งเป็นสำนักของพระศาสดา. " นางภิกษุณีเหล่านั้นพา
นางไปสู่พระเชตวัน กราบทูลแด่พระศาสดาแล้ว.

พระกุมารกัสสปเกิด


พระศาสดา แม้ทรงทราบอยู่ว่า " ครรภ์ตั้งขึ้นแล้ว ในเวลานาง
เป็นคฤหัสถ์ " เพื่อจะเปลื้องเสียซึ่งถ้อยคำของชนอื่น จึงรับสั่งให้เชิญ
พระเจ้าปเสนทิโกศล ท่านมหาอนาถบิณฑิกะ ท่านจุลอนาถบิณฑิกะ
นางวิสาขาอุบาสิกา และสกุลใหญ่อื่นๆ มาแล้ว ทรงบังคับพระอุบาลี
เถระว่า " เธอจงไป. จงชำระกรรมของภิกษุณีสาวนี้ให้หมดจด ในท่าม
กลางบริษัท 4. " พระเถระให้เชิญนางวิสาขามา ตรงพระพักตร์พระ-
ราชาแล้ว ให้สอบสวนอธิกรณ์นั้น. นางวิสาขานั้นให้คนล้อมเครื่องล้อม
คือม่าน ตรวจดูมือ เท้า สะดือ และที่สุดแห่งท้องของนางภิกษุณีนั้น
ภายในม่าน แล้วนับเดือนและวันดู ทราบว่า " นางได้มีครรภ์ในเวลาเป็น
คฤหัสถ์ " จึงบอกความนั้นแก่พระเถระ. ครั้งนั้น พระเถระยังความที่นาง
เป็นผู้บริสุทธิ์ ให้กลับตั้งขึ้นในท่ามกลางบริษัทแล้ว. โดยสมัยอื่น นาง
คลอดบุตรมีอานุภาพมาก ซึ่งมีความปรารถนาตั้งไว้ แทบบาทมูลของ
พระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ.

มีกุมารนำหน้าเพราะพระราชาทรงเลี้ยง


ภายหลังวันหนึ่ง พระราชาเสด็จไป ณ ที่ใกล้สำนักของนางภิกษุณี
ทรงสดับเสียงทารก จึงตรัสถามว่า " นี้เสียงอะไร ? " เมื่ออำมาตย์กราบ

ทูลว่า " พระเจ้าข้า บุตรของนางภิกษุณีนั่นเกิดแล้ว, นั่นเป็นเสียงของ
บุตรนางภิกษุณีนั้น. " ทรงนำกุมารนั้นไปสู่พระราชมนเฑียรของพระองค์
ได้ประทานให้แก่แม่นมทั้งหลาย. ก็ในวันตั้งชื่อ ชนทั้งหลายตั้งชื่อกุมาร
นั้นว่า " กัสสป " เพราะความที่กุมารนั้น เป็นผู้อันพระราชาทรงให้
เจริญแล้วด้วย เครื่องบริหารของพระกุมาร จึงรู้กันว่า " กุมารกัสสป." กุมาร
นั้นทุบตีเด็กในสนามกีฬาแล้ว. เมื่อพวกเด็กกล่าวว่า " พวกเราถูกคนไม่
มีแม่ไม่มีพ่อทุบตีแล้ว." จึงเข้าไปเฝ้าพระราชา ทูลถามว่า " ข้าแต่
พระองค์ผู้เป็นสมมติเทพ พวกเด็กย่อมว่าหม่อมฉันว่า " ไม่มีมารดาและ
บิดา ขอพระองค์จงตรัสบอกมารดาแก่หม่อมฉัน. " เมื่อพระราชา
ทรงแสดงหญิงแม่นมทั้งหลาย ตรัสว่า " หญิงเหล่านี้เป็นมารดาของเจ้า."
จึงกราบทูลว่า " มารดาของหม่อมฉันไม่มีเท่านี้. อันมารดาของหม่อมฉัน
พึงมีคนเดียว, ขอพระองค์ตรัสบอกมารดานั้น แก่หม่อมฉันเถิด. "
พระราชาทรงดำริว่า " เราไม่อาจลวงกุมารนี้ได้ " จึงตรัสว่า " พ่อ
มารดาของเจ้าเป็นภิกษุณี เจ้า อันเรานำมาแต่สำนักนางภิกษุณี."

กุมารกัสสปออกบวชบรรลุพระอรหัต


กุมารนั้น มีความสังเวชเกิดขึ้นพร้อมแล้ว ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น
นั่นแหละ กราบทูลว่า " ข้าแต่พระบิดา ขอพระองค์ทรงให้หม่อมฉัน
บวชเถิด " พระราชาทรงรับว่า " ดีละ พ่อ " แล้วยังกุมารนั้นให้บวชใน
สำนักของพระศาสดา ด้วยสักการะเป็นอันมาก.
กุมารกัสสปนั้นได้อุปสมบทแล้ว ปรากฏว่า " พระกุมารกัสสป-
เถระ. " ท่านเรียนกัมมัฏฐานในสำนักพระศาสดา เข้าไปสู่ป่าพยายามแล้ว
ไม่สามารถจะให้คุณวิเศษบังเกิดได้ จึงคิดว่า " เราจะเรียนกัมมัฏฐานให้