เมนู

แก้อรรถ


พึงทราบความแห่งพระคาถานี้ว่า :-
"ภิกษุกล่าวแล้วว่า ่พึงจงกรมในปฐมยามเป็นต้น ' ชื่อว่าย่อมกล่าว
สอนผู้อื่นฉันใด ตนเองก็ฉันนั้น อธิษฐานกิจมีจงกรมเป็นต้น ชื่อว่าพึง
กระทำตนเหมือนอย่างสอนผู้อื่น. เมื่อเป็นเช่นนี้ ภิกษุนั้นเป็นผู้มีตนฝึก
ดีแล้วหนอ ควรฝึก(บุคคลอื่น). "
บาทพระคาถาว่า สุทนฺโต วต ทเมถ ความว่า ภิกษุย่อมพร่ำสอน
ผู้อื่น ด้วยคุณอันใด. เป็นผู้ฝึกฝนดีแล้วด้วยตน ด้วยคุณอันนั้น ควรฝึก
(ผู้อื่น).
บาทพระคาถาว่า อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม ความว่า เพราะว่าชื่อว่า
ตนนี้ เป็นสภาพอันบุคคลฝึกฝนได้ยาก. เพราะเหตุนั้น ตนนั้นย่อมเป็น
สภาพอันบุคคลฝึกฝนดีแล้ว ด้วยประการใด ควรฝึกฝนตนด้วยประการ
นั้น.
ในกาลจบเทศนา ภิกษุแม้ประมาณ 500 รูปนั้น บรรลุพระ-
อรหัตผลแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องพระปธานิติสสเถระ จบ.

4. เรื่องมารดาของพระกุมารกัสสปเถระ [130]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภมารดาของ
พระกุมารกัสสปเถระ. ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อตฺตา หิ อตฺตโน
นาโถ "
เป็นต้น.

มารดาของพระกุมารกัสสปบวช


ดังได้สดับมา มารดาของพระเถระนั้น เป็นธิดาของเศรษฐีในกรุง
ราชคฤห์ ขอบรรพชาแล้วจำเดิมแต่เวลาตนถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา, แม้
อ้อนวอนอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่ได้บรรพชา แต่สำนักของมารดาและบิดา เจริญ
วัยแล้ว ไปสู่ตระกูลสามี เป็นผู้มีสามีดังเทวดา อยู่ครองเรือนแล้ว. ครั้น
ต่อมาไม่นานนัก สัตว์เกิดในครรภ์ ตั้งขึ้นแล้วในท้องของนาง. แต่นางไม่
ทราบความที่ครรภ์นั้นตั้งขึ้นเลย ยังสามีให้ยินดีแล้ว จึงขอบรรพชา.
ครั้งนั้น สามีนำนางไปสู่สำนักของนางภิกษุณี ด้วยสักการะใหญ่ไม่ทราบ
อยู่ ให้บวชในสำนักของนางภิกษุณี ที่เป็นฝักฝ่ายแห่งพระเทวทัตแล้ว.
โดยสมัยอื่น นางถูกนางภิกษุณีเหล่านั้น ทราบความที่นางมีครรภ์
แล้ว ถามว่า " นี่อะไรกัน ? " จึงตอบว่า " แม่เจ้า ดิฉันไม่ทราบว่า
'นี่เป็นอย่างไร ? ' แต่ศีลของดิฉันไม่ด่างพร้อยเลย. " พวกนางภิกษุณี
นำนางไปสู่สำนักของพระเทวทัตแล้ว ถามว่า " นางภิกษุณีนี้บวชด้วย
ศรัทธา. พวกดิฉันไม่ทราบกาลแห่งครรภ์ของนางนี้ตั้งขึ้น; บัดนี้ พวก
ดิฉันจะทำอย่างไร ? " พระเทวทัต คิดเหตุเพียงเท่านี้ว่า " ความเสีย
ชื่อเสียง จงอย่าเกิดขึ้นแก่พวกนางภิกษุณีผู้ทำตามโอวาทของเรา " จึง