เมนู

แม้นั้นให้สิ้นไปแล้วอย่างนั้น เหมือนกัน แล้วขายสมบัติของตนทั้งหมดคือ
นา สวนดอกไม้ สวนผลไม้ ยานพาหนะ เป็นต้นบ้าง โดยที่สุด
ภาชนะเครื่องใช้บ้าง เครื่องลาด ผ้าห่ม และผ้าปูนั่งบ้าง โดยลำดับ
เคี้ยวกิน.

เศรษฐีต้องเที่ยวขอทาน


ครั้นในเวลาที่เขาแก่ลง เจ้าของเรือนจึงไล่เขาออกจากเรือน ที่เขา
มีโภคะหมดแล้ว ขายเรือนของตัว (แต่ยัง) ถืออาศัยอยู่ก่อน. เขาพา
ภรรยาไปอาศัยเรือนของชนอื่นอยู่ ถือชิ้นกระเบื้องเที่ยวไปขอทาน
ปรารภจะบริโภคภัตที่เป็นเดนของชนแล้ว. ครั้งนั้น พระศาสดาทอด
พระเนตรเห็นเขายืนอยู่ที่ประตูโรงฉัน คอยรับโภชนะที่เป็นเดนอันภิกษุ
หนุ่มและสามเณรให้ในวันหนึ่ง จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ ลำดับนั้น
พระอานนทเถระทูลถามถึงเหตุที่ทรงแย้มกะพระองค์. พระศาสดา เมื่อ
จะตรัสบอกเหตุที่ทรงแย้ม จึงว่า " อานนท์ เธอจงดูบุตรเศรษฐี
ผู้มีทรัพย์มากผู้นี้ ผลาญทรัพย์เสีย 160 โกฏิ พาภรรยาเที่ยวขอทาน
อยู่ในนครนี้แล: ก็ถ้าบุตรเศรษฐีไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดสิ้น จักประกอบ
การงานในปฐมวัย ก็จักได้เป็นเศรษฐีชั้นเลิศในนครนี้แล และถ้าจัก
ออกบวช, ก็จักบรรลุอรหัต. แม้ภรรยาของเขาก็จักดำรงอยู่ในอนาคามิผล.
ถ้าไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดไป จักประกอบการงานในมัชฌิมวัย. จักได้เป็น
เศรษฐีชั้นที่ 2. ออกบวชจักได้เป็นอนาคามี. แม้ภรรยาของเขาก็จักดำรง
อยู่ในสกทาคามิผล. ถ้าไม่ผลาญทรัพย์ให้สิ้นไป ประกอบการงานใน
ปัจฉิมวัยจักได้เป็นเศรษฐีชั้นที่ 3 แม้ออกบวช ก็จักได้เป็นสกทาคามี,
แม้ภรรยาของเขาก็จักดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. แต่เดี๋ยวนี้บุตรเศรษฐีนั่น