เมนู

7. เรื่องพระโลฬุทายีเถระ [124]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพพระโลฬุทายี-
เถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อปฺปสฺสุตายํ ปุริโส " เป็นต้น.

พระเถระกล่าวธรรมไม่เหมาะแก่งาน


ดังได้สดับมา พระโลฬุทายีเถระนั้น ไปสู่เรือนของหมู่คนผู้ทำการ
มงคล ก็กล่าวอวมงคล โดยนัยเป็นต้นว่า " ติโรกุฑฺเฑสุ ติฏฺฐนฺติ " ไป
เรือนของผู้ทำการอวมงคล เมื่อควรกล่าว ติโรกุฑฑสูตรเป็นต้น. ก็กล่าว
มงคลคาถา โดยนัยเป็นต้นว่า " ทานญฺจ ธมฺมจริยา จ " หรือรัตนสูตร
เป็นต้นว่า " ยงฺกิญฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา. " เธอคิดว่า " เราจักสวดสูตร
อื่น " แม้สวดสูตรอื่นอยู่ในที่นั้นๆ อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่า " เราสวดสูตรอื่น. "

ถึงกาลก่อนก็เลอะเหมือนกัน


ภิกษุทั้งหลายฟังกถาของท่านแล้ว จึงกราบทูลแด่พระศาสดาว่า
" พระเจ้าข้า เป็นอย่างไร พระโลฬุทายี ในที่ทำการมงคลและอวมงคล
ควรกล่าวสูตรอื่น ก็ไพล่ไปกล่าวสูตรอื่น ? " พระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุ
ทั้งหลาย โลฬุทายีนั่น กล่าวอย่างนั้น ในกาลบัดนี้เท่านั้น ก็หาไม่.
ถึงในกาลก่อน โลฬุทายี เมื่อสูตรอื่นอันตนควรกล่าว ก็ไพล่กล่าวสูตร
อื่น " อันภิกษุเหล่านั้น ทูลอ้อนวอน จึงทรงนำอดีตนิทานมา (ตรัส
ดังต่อไปนี้):-

บุรพกรรมของพระโลฬุทายี


ในอดีตกาล บุตรของพราหมณ์ ชื่ออัคคิทัต ในกรุงพาราณสี

ชื่อโสมทัตกุมาร บำรุงพระราชาแล้ว. เธอได้เป็นที่โปรดปรานพอพระ-
หฤทัยของพระราชา. ส่วนพราหมณ์อาศัยกสิกรรมเลี้ยงชีพ. พราหมณ์
นั้นมีโค 2ตัว. ใน 2 ตัวนั้น ตัว 1 ได้ล้มเสียแล้ว. พราหมณ์จึง
กล่าวกะบุตรชายว่า " พ่อโสมทัต พ่อจงทูลขอในหลวง นำโคมาให้พ่อ
ตัวหนึ่ง. "

โสมทัตสอนพ่อให้ทูลขอโค


มหาดเล็กโสมทัตคิดว่า " ถ้าเราจักขอพระราชทานกะสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวไซร้, ความเป็นคนผลุนผลันจักปรากฏแก่เรา " จึงพูดว่า
" คุณพ่อขอรับ คุณพ่อเองจงขอพระราชทานกะในหลวงเถิด " เมื่อบิดา
พูดว่า " ลูกเอ๋ย ถ้ากระนั้น เจ้าจงพาเข้าไปเถิด, " จึงคิดว่า " ท่าน
พราหมณ์นี้ มีปัญญาแล่นช้า ย่อมไม่รู้จักแม้สักแต่คำพูดเป็นต้นว่า " จง
ไปข้างหน้า จงถอยมาข้างหลัง. เมื่อคำอื่นอันควรพูด ก็ไพล่พูดคำอื่น
เสีย เราจะให้สำเหนียกแล้วจึงพาท่านไป. " เธอพาท่านไปป่าช้า ชื่อ
วีรณัตถัมภกะแล้ว จึงมัดฟ่อนหญ้าหลายฟ่อน ทำสมมติว่า " ฟ่อนหญ้า
นี้เป็นเจ้าชีวิต. ฟ่อนหญ้านี้เป็นวังหน้า. ฟ่อนหญ้านี้เป็นเสนาบดี " ดังนี้
เป็นต้น แสดงแก่บิดาตามลำดับแล้ว จึงชี้แจงว่า " อันคุณพ่อไปราชสกุล
ต้องเดินหน้าอย่างนี้. ต้องถอยหลังอย่างนี้. พระเจ้าอยู่หัว ต้องกราบ
บังคมทูลอย่างนี้. วังหน้าต้องกราบทูลอย่างนี้. คุณพ่อเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว
แล้ว ต้องถวายชัยมงคลอย่างนี้ว่า ' ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าฯ
ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จงทรงชนะเถิด ' ดังนี้ พึงว่าคาถานี้
แล้ว ขอพระราชทานโคเถิด " จึงให้บิดาเรียนคาถาว่า