เมนู

ชาวนครนิยมฟังธรรม


ชาวพระนครสาวัตถีถวายท่านแต่เช้าตรู่ สมาทานอุโบสถแล้วห่มผ้า
สะอาด มีมือถือของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น ในเวลาเย็น ประชุม
กันฟังธรรมในพระเชตวัน. เเม้ภิกษุณีสงฆ์ผู้เกิดฉันทะในพระธรรมเทศนา
ของพระศาสดา ก็ย่อมไปวิหารฟังธรรม. ชาวพระนครสาวัตถีเหล่านั้น
ครั้นฟังธรรมแล้ว เมื่อเข้าไปสู่พระนคร ก็กล่าวแต่คุณกถาของพระศาสดา
เท่านั้นเข้าไป.

ความเลื่อมใสของบุคคล 4 จำพวก


จริงอยู่ จำพวกสัตว์ในโลกสันนิวาสซึ่งมีประมาณ 4 จำพวก ที่
เห็นพระตถาคตอยู่ ไม่เกิดความเลื่อมใส มีจำนวนน้อยนัก.

1. รูปัปปมาณิกา


ด้วยว่าจำพวกสัตว์ที่เป็นรูปัปปปมาณิกา (ถือรูปเป็นประมาณ) เห็น
พระสรีระของพระตถาคต อันประดับแล้วด้วยพระลักษณะและอนุพยัญ-
ชนะมีพระฉวีวรรณดุจทองคำ ย่อมเลื่อมใส.

2. โฆสัปปมาณิกา


จำพวกโฆสัปปมาณิกา (ถือเสียงเป็นประมาณ) ฟังเสียงประกาศ
พระคุณของพระศาสดา ซึ่งอาศัยเป็นไปแล้วตั้งหลายร้อยชาติ และเสียง
ประกาศพระธรรมเทศนา อันประกอบด้วยองค์1 8 ย่อมเลื่อมใส.

3. ลูขัปปมาณิก


แม้จำพวกลูขัปปมาณิกา (ถือการปฏิบัติเศร้าหมองเป็นประมาณ)
1 . เสียงที่ประกอบด้วยองค์ 8 คือ แจ่มใส 1 ชัดเจน 1 นุ่มนวล 1 น่าฟัง 1 กลมกล่อม 1
ไม่พร่า 1 ลึก 1 มีกังวาน 1 ที. มหาวรรค ชนวสภสูตร ข้อ 198.

อาศัยความที่พระองค์เป็นผู้เศร้าหมองด้วยปัจจัยทั้งหลายมีจีวรเป็นต้น ย่อม
เลื่อมใส.

4 . ธัมมัปปมาณิกา


แม้จำพวกธัมมัปปมาณิกา (ถือธรรมเป็นประมาณ) ก็ย่อมเลื่อมใส
ว่า " ศีลของพระทศพลเห็นปานนี้. สมาธิเห็นปานนี้. ปัญญาเห็นปานนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้าหาผู้เสมอมิได้ ไม่มีผู้เสมอเท่า หาผู้เสมอเหมือนมิได้
ไม่มีผู้ทัดเทียม ด้วยคุณทั้งหลายมีศีลเป็นต้น. " เมื่อชนเหล่านั้นพรรณนา
คุณของพระตถาคตอยู่ ปากไม่เพียงพอ.

พระนางรูปนันทาเถรีเข้าเฝ้าทรงสดับธรรม


พระนางรูปนันทา ได้สดับคำพรรณนาคุณของพระตถาคต แต่
สำนักพวกภิกษุณีและพวกอุบาสิกา จึงทรงดำริว่า " ชนทั้งหลาย ย่อม
กล่าวชมเจ้าพี่ของเรานักหนาทีเดียว แม้ในวันหนึ่ง พระองค์เมื่อจะตรัส
โทษในรูปของเรา จะตรัสได้สักเท่าไร ? ถ้ากระไร เราพึงไปกับพวก
ภิกษุณี ไม่แสดงตนเลย เฝ้าพระตถาคตฟังธรรมแล้วพึงมา. " พระนาง
จึงตรัสบอกแก่พวกภิกษุณีว่า " วันนี้ ฉันจักไปสู่ที่ฟังธรรม. " พวก
ภิกษุณีมีใจยินดีว่า " นานนักหนา การที่พระนางรูปนันทาทรงมีพระ-
ประสงค์จะเสด็จไปสู่ที่บำรุงพระศาสดาเกิดขึ้นแล้ว, วันนี้พระศาสดา ทรง
อาศัยพระนางรูปนันทานี้แล้ว จักทรงแสดงพระธรรมเทศนาอันวิจิตร "
ดังนี้แล้วพาพระนางออกไปแล้ว. ตั้งแต่เวลาที่ออกไป พระนางทรงดำริ
ว่า " เราจะไม่แสดงตนเลย. "