เมนู

พวกทาสีของนางเห็นภิกษุทั้งหลายผู้ได้อัฏฐกภัตมาแล้ว จึงบอกแก่นาง.
นางไม่สามารถจะรับบาตรแล้วนิมนต์ให้นั่ง หรืออังคาสด้วยมือของตนได้
จึงสั่งพวกทาสีว่า " แน่ะแม่ทั้งหลาย พวกเธอรับบาตรแล้วนิมนต์พระผู้-
เป็นเจ้าให้นั่ง ให้ดื่มข้าวยาคู ถวายของเคี้ยว ในเวลาฉันภัต จง (บรรจุ
ภัต) ให้เต็มบาตรแล้วถวายเถิด. " ทาสีเหล่านั้นรับว่า " ดีละ คุณแม่. "
แล้วนิมนต์ภิกษุทั้งหลายให้เข้ามา ให้ดื่มข้าวยาคู ถวายของเคี้ยวแล้ว ใน
เวลาฉันภัต (บรรจุภัต) ให้เต็มบาตรแล้ว บอกแก่นาง. นางกล่าวว่า
" จงช่วยพยุงฉันไปที, ฉันจักไหว้พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย " อันทาสีเหล่านั้น
พยุงไปสู่ที่ใกล้ภิกษุทั้งหลายแล้ว ได้ไหว้ภิกษุทั้งหลายด้วยทั้งสรีระอันสั่น
เทิ้มอยู่. ภิกษุนั้นแลดูนางแล้ว คิดว่า " ความสวยงามแห่งรูปของหญิง
ผู้เป็นไข้นี้ (ยังสวยงาม) ถึงเพียงนี้. ก็ในเวลาไม่มีโรค รูปสมบัติของนาง
คนนี้ ที่ตกแต่งแล้วด้วยอาภรณ์ทุกอย่าง จะสวยงามสักเพียงไร." ครั้งนั้น
กิเลสที่เธอสั่งสมไว้ตั้งหลายโกฏิปีกำเริบขึ้นแล้ว. ภิกษุนั้นมิได้มีใจจดจ่อ
ที่อื่น (มีใจจดจ่อแต่เฉพาะนางเท่านั้น) ไม่สามารถจะฉันหาอาหารได้
จึงถือบาตรกลับวิหาร ปิดบาตรวางไว้ ณ ส่วนข้างหนึ่ง ปูจีวรนอนแล้ว.
ลำดับนั้น ภิกษุหาย (ของเธอ) รูปหนึ่ง แม้อ้อนวอนอยู่ ก็ไม่สามารถ
จะให้เธอฉันได้. ภิกษุนั้นได้อดอาหารแล้ว.

นางสิริมาถึงแก่กรรม


ในเวลาเย็นวันนั้นเอง นางสิริมาได้ทำกาลกิริยาแล้ว. พระราชา
ทรงส่งพระราชสาสน์ไปถวายพระศาสดาว่า " พระเจ้าข้า นางสิริมาน้อง
สาวหมอชีวก ได้ทำกาลกิริยาเสียแล้ว. " พระศาสดาทรงสดับเรื่องนั้น
จึงส่งข่าวไปแด่พระราชาว่า " กิจคือการเผา (ศพ) นางสิริมา ยังไม่มี,