เมนู

2. เรื่องนางสิริมา [119]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภนางสิริมา
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ปสฺส จิตฺตกตํ พิมพํ " เป็นต้น.

นางสิริมาบรรลุโสดาปัตติผล


ดังได้สดับมา นางสิริมานั้นมีรูปร่างงดงาม เป็นหญิงแพศยา ใน
กรุงราชคห์ ภายในพรรษาหนึ่ง ได้ประทุษร้ายต่ออุบาสิกานามว่าอุตตรา
ซึ่งเป็นธิดาของปุณณกเศรษฐี ผู้เป็นภริยาของสุมนเศรษฐีบุตร ประสงค์
จะให้นางอุตตรานั้นเลื่อมใส จึงทูลขอขมาพระศาสดาผู้ทรงทำภัตกิจกับ
ภิกษุสงฆ์เสร็จแล้ว ในเรือนของนางอุตตรานั้น, ในวันนั้น ได้ฟัง
ภัตตานุโมทนาของพระทศพล บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว ในเวลาจบพระ-
คาถาว่า
" พึงชำนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ, พึง
ชนะคนไม่ดี ด้วยความดี. พึงชนะคนตระหนี่ ด้วย
การให้ปัน, พึงชนะคนพูดพล่อย ๆ ด้วยคำจริง. "

นี้เป็นความย่อในเรื่องนี้. ส่วนเนื้อเรื่องพิสดาร จักมีแจ้งในวรรณนา
แห่งคาถาอนุโมทนาในโกธวรรคนั่นแล. นางสิริมานั้น ครั้นบรรลุโสดา-
ปัตติผลอย่างนั้นแล้ว นิมนต์พระทศพล รุ่งขึ้นถวายทานเป็นอันมาก แล้ว
ได้ตั้งอัฏฐกภัตเพื่อพระสงฆ์ไว้เป็นประจำ. ตั้งแต่วันต้นมาภิกษุ 8 รูป
ไปเรือนเสมอ. นางเอ่ยปากว่า " นิมนต์พระคุณเจ้าทั้งหลายรับเนยใส,

รับนมสด " ดังนี้เป็นต้นแล้ว (บรรจุภัต) ให้เต็มบาตรของภิกษุเหล่านั้น.
อาหารบิณฑบาตที่ภิกษุรูปหนึ่งได้เเล้ว ย่อมเพียงพอแก่ภิกษุ 3 รูปบ้าง
4 รูปบ้าง. นางถวายบิณฑบาตด้วยการจับจ่ายทรัพย์ 16 กหาปณะทุกวัน.
ต่อมาวันหนึ่ง ภิกษุรูปหนึ่งฉันอัฏฐกภัตในเรือนของนางแล้ว ได้ไปวิหาร
แห่งหนึ่ง ณ ที่ไกล 3 โยชน์. ครั้งนั้น พวกภิกษุถามเธอซึ่งนั่งอยู่ในที่
บำรุงพระเถระในเวลาเย็นว่า " ผู้มีอายุ (ไป) รับภิกษาที่ไหนมา ? " เธอ
ตอบว่า " ผม (ไป) ฉันอัฏฐกภัตของนางสิริมา (มา). " พวกภิกษุถาม
อีกว่า " นางทำของอันน่าพึงใจถวายไหม ? ผู้มีอายุ. "

ภิกษุพรรณนาความดีของนางสิริมา


เธอจึงกล่าวคุณของนางว่า " ผมไม่สามารถจะพรรณนาภัตของนาง
ได้. นางทำถวายแสนจะประณีต. ภัตที่ภิกษุรูปหนึ่งได้ย่อมเพียงพอแก่
ภิกษุ 3 รูปบ้าง 4 รูปบ้าง; แต่การได้เห็นนางนั้นแล ดีเสียยิ่งกว่าไทย-
ธรรมของนางอีก. เพราะนางสวยงามเช่นนี้ ๆ. " ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง
ได้ฟังถ้อยคำที่พรรณนาคุณของนาง เกิดความรักขึ้นแล้ว โดยมิได้เห็นตัว
เลย คิดว่า " ควรที่เราจะไปดูนาง " แล้วบอกจำนวนพรรษาของตนแล้ว
ถามลำดับกะภิกษุนั้นแล้ว ได้ยินว่า " ผู้มีอายุ พรุ่งนี้ ท่านเป็นพระสังฆ-
เถระ จักได้อัฎฐกภัตในเรือนนั้น " จึงคว้าบาตรและจีวรหลีกไปใน
ขณะนั้นเอง. เมื่ออรุณขึ้นแต่เช้าเทียว เข้าไปสู่โรงภัตยืน (คอย) อยู่แล้ว
เป็นพระสังฆเถระได้อัฏฐกภัต ในเรือนของนาง.

นางสิริมาเจ็บ


ก็ในเวลาที่ภิกษุนั้นฉันแล้ว หลีกไปในวันวานนั่นเอง โรคได้เกิด
ขึ้นในสรีระของนาง; ฉะนั้น นางจึงเปลื้องอาภรณ์แล้วนอน. ขณะนั้น