เมนู

สู่วิหาร. " ส่งพระเถระไปแล้ว ให้ประชุมพวกญาติ กล่าวว่า " ในเวลา
ที่ลูกชายของฉันเป็นคฤหัสถ์ พวกเราจักทำกิจที่ควรทำในวันนี้แหละ. "
ดังนี้แล้ว จึงแต่งตัวลูกชายนำไปวิหาร ด้วยสิริโสภาคอันใหญ่ แล้วมอบ
ถวายแก่พระเถร. ฝ่ายพระเถระกล่าวกะสุขกุมารนั้นว่า " พ่อ ธรรมดา
บรรพชา ทำได้โดยยาก. เจ้าจักอาจเพื่อภิรมย์หรือ ? " เมื่อตอบว่า " ผม
จักทำตามโอวาทของท่าน ขอรับ " จึงให้กัมมัฏฐาน ให้บวชแล้ว. แม้
มารดาบิดาของสุขกุมารนั้น เมื่อทำสักการะในการบรรพชา ก็ถวายโภชนะ
มีรส 100 ชนิดแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ในภายใน
วิหารนั่นเองตลอด 7 วัน ในเวลาเย็น จึงได้ไปสู่เรือนของตน. ใน
วันที่ 3 พระสารีบุตรเถระ เมื่อภิกษุสงฆ์เข้าไปสู่บ้านเพื่อบิณฑบาต. ทำ
กิจที่ควรทำในวิหารแล้ว จึงให้สามเณรถือบาตรและจีวร เข้าไปสู่บ้าน
เพื่อบิณฑบาต.

สามเณรฝึกตน


สามเณรเห็นเหมืองน้ำเป็นต้นในระหว่างทาง จึงถามพระเถระ
ดุจสามเณรบัณฑิต. แม้พระเถระก็พยากรณ์แก่สามเณรนั้นอย่างนั้นเหมือน
กัน. สามเณรฟังเหตุนั้นแล้ว จึงเรียนพระเถระว่า " ถ้าท่านพึงรับ
บาตรและจีวรของท่านไซร้. กระผมพึงกลับ. " เมื่อพระเถระไม่ทำลาย
อัธยาศัยของสามเณรนั้น กล่าวว่า จงเอาบาตรและจีวรของฉันมา " รับ
บาตรและจีวรไปแล้ว. ก็ไหว้พระเถระ เมื่อจะกลับ จึงเรียนสั่งว่า " ท่าน
ขอรับ ท่านเมื่อนำอาหารมาเพื่อผม พึงนำเอาโภชนะมีรส 100 ชนิดมา. "
พระเถระ. จักได้โภชนะนั้น จากไหน ?

สามเณร. เมื่อไม่ได้ด้วยบุญของท่าน ก็จักได้ด้วยบุญของผม ขอ
รับ.
ครั้งนั้น พระเถระให้ลูกกุญแจแก่สามเณรนั้นแล้ว ก็เข้าบ้านเพื่อ
บิณฑบาต. สามเณรนั้นไปวิหารแล้ว เปิดห้องของพระเถระเข้าไปแล้ว
ปิดประตู นั่งหยั่งญาณลงในกายของตนแล้ว. ด้วยเดชแห่งคุณของสามเณร
นั้น อาสนะของท้าวสักกะแสดงอาการร้อนแล้ว. ท้าวสักกะพิจารณาดูว่า
" นี้เหตุอะไรหนอ ? " เห็นสามเณรแล้ว ทรงดำริว่า " สุขสามเณรถวาย
จีวรแก่อุปัชฌาย์แล้ว กลับ (วิหาร) ด้วยคิดว่า ' จักทำสมณธรรม ' ควร
ที่เราจะไปในที่นั้น " จึงรับสั่งให้เรียกท้าวมหาราชทั้ง 4 แล้วทรงส่งไป
ด้วยดำรัสสั่งว่า " พ่อทั้งหลาย พวกท่านจงไป. จงไล่นกที่มีเสียงเป็นโทษ
ใกล้ป่าแห่งวิหารให้หนีไป. ท้าวมหาราชทั้งหลายนั้น กระทำตามนั้นแล้ว
ก็ (พากัน) รักษาอยู่โดยรอบ. ท้าวสักกะ ทรงบังคับพระจันทร์และ
พระอาทิตย์ว่า " พวกท่านจงยึดวิมานของตนๆหยุดก่อน. " แม้พระจันทร์
และพระอาทิตย์ก็กระตามนั้นแล้ว. แม้ท้าวสักกะเอง ก็ทรงรักษาอยู่ที่
สายยู. วิหารสงบเงียบปราศจากเสียง. สามเณรเจริญวิปัสสนาด้วยจิต
มีอารมณ์เป็นหนึ่ง บรรลุมรรคและผล 3 แล้ว.
พระเถระ อันสามเณรกล่าวว่า " ท่านพึงนำโภชนะมีรส 100 ชนิด
มา " ดังนี้แล้ว ก็คิดว่า " อันเราอาจเพื่อได้ในตระกูลของใครหนอแล ? "
พิจารณาดูอยู่ ก็เห็นตระกูลอุปัฏฐากผู้สมบูรณ์ด้วยอัธยาศัยตระกูลหนึ่ง จึง
ไปในตระกูลนั้น อันชนเหล่านั้น มีใจยินดีว่า " ท่านผู้เจริญ ความดี
อันท่านผู้มาในที่นี้ ในวันนี้ กระทำแล้ว " รับบาตรนิมนต์ให้นั่ง ถวาย

ยาคูและของขบฉัน อัน เขาเชิญกล่าวธรรมชั่วเวลาภัต จึงกล่าวสาราณีย-
ธรรมกถาแก่ชนเหล่านั้น กำหนัดกาล ยังเทศนาให้จบแล้ว.

สามเณรบรรลุพระอรหัต


ทีนั้น ชนทั้งหลาย จึงถวายโภชนะมีรส 100 ชนิด แก่พระเถระ
นั้น เห็นพระเถระรับโภชนะนั้นแล้วประสงค์จะกลับ จึงเรียนว่า " ฉันเถิด
ขอรับ พวกผมจักถวายโภชนะแม้อื่นอีก " ให้พระเถระฉันแล้ว ก็ถวาย
จนเต็มบาตรอีก. พระเถระรับโภชนะนั้นแล้ว ก็รีบไปวิหาร ด้วยคิดว่า
" สามเณรของเราจักหิว. " วันนั้น พระศาสดาเสด็จออกประทับนั่งใน
พระคันธกุฎีแต่เช้าตรู่ ทรงรำพึงว่า " วันนี้ สุขสามเณรรับบาตรและจีวร
ของอุปัชฌาย์แล้ว กลับไปแล้วตั้งใจว่า " จักทำสมณธรรม, กิจของเธอ
สำเร็จแล้วหรือ ? พระองค์ทรงเห็นความที่มรรคผลทั้ง 3 เทียว อัน
สามเณรบรรลุแล้ว จึงทรงพิจารณาแม้ยิ่งขึ้นไปว่า " สุขสามเณรนี้ จักอาจ
ไหมหนอ ? เพื่อจะบรรลุพระอรหัตในวันนี้, ส่วนพระสารีบุตรรับภัต
แล้ว ก็รีบออกด้วยคิดว่า " สามเณรของเราจักหิว " ถ้าเมื่อสามเณรนี้
ยังไม่บรรลุพระอรหัต. พระสารีบุตรจักนำภัตมาก่อน. อันตรายก็จักมี
แก่สามเณรนี้; ควรเราจะไปยึดอารักขาอยู่ที่ซุ้มประตู " ครั้นทรงดำริแล้ว
จึงเสด็จออกจากคันธกุฎี ประทับยืนยึดอารักขาอยู่ที่ซุ้มประตู. ฝ่ายพระ-
เถระก็นำภัตมา. ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสถามปัญหา 4 ข้อกะพระเถระ
นั้น โดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลังแล. ในที่สุดแห่งการวิสัชนาปัญหา
สามเณรก็บรรลุพระอรหัตแล้ว.
พระศาสดาตรัสเรียกพระเถระมาแล้ว ตรัสว่า " สารีบุตร จงไป
เถิด, จงให้ภัตแก่สามเณรของเธอ. " พระเถระไปถึงแล้ว จึงเคาะประตู