เมนู

" บิณฑบาตเล็กน้อยจะพอเพียงอย่างไร ? " ด้วยว่าอจินไตย 4 อย่าง พระ-
ผู้มีพระเจ้าตรัสไว้แล้ว, ในอจินไตย 4 เหล่านั้น นี้ก็เป็นปัจเจกพุทธ-
วิสัยแล.

คันธเศรษฐีแบ่งทรัพย์ให้นายภัตตภติกะ


มหาชน เห็นบิณฑบาตที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเเบ่งถวายแก่พระปัจ-
เจกพุทธเจ้าทั้งหลายอยู่ ก็ได้พากันยังพันแห่งสาธุการให้เป็นไปเเล้ว.
เสียงสาธุการได้เป็นประหนึ่งเสียงอสนีบาต. คันธเศรษฐีได้ยินเสียงนั้นแล้ว
จึงคิดว่า " นายภัตติภติกะเห็นจะไม่สามารถทรงสมบัติเราให้แล้วได้.
เพราะเหตุนั้น มหาชนนี้ เมื่อทำการหัวเราะเยาะจึงได้อื้อฉาวขึ้น. ท่าน
เศรษฐีนั้น ส่งคนไปเพื่อทราบเรื่องราวที่เป็นไปแล้ว. คนเหล่านั้น มาแล้ว
บอกว่า " นายขอรับ ธรรมดาผู้ทรงสมบัติ ย่อมเป็นเห็นปานนี้ " ดังนี้แล้ว
จึงบอกเรื่องราวที่เป็นไปแล้วนั้น.
เศรษฐี ฟังเรื่องนั้นแล้ว เป็นผู้มีสรีระอันปีติมีวรรณะ 5 ถูกต้อง
แล้ว จึงกล่าวว่า " น่าอัศจรรย์ นายภัตตภติกะนั้น ทำสิ่งที่บุคคลทำได้
โดยยากแล้ว. เราดำรงอยู่ในสมบัติเห็นปานนี้ ตลอดกาลมีประมาณเท่านี้
ยังไม่ได้อาจเพื่อให้สิ่งไรได้ " ดังนี้แล้ว จึงให้เรียกนายภัตตภติกะนั้นมา
แล้ว ถามว่า " ได้ยินว่า เธอทำกรรมชื่อนี้จริงหรือ ? " เมื่อเขาตอบว่า
" ขอรับ นาย " จึงกล่าวว่า " เอาเถิด เธอจงถือเอาทรัพย์พันหนึ่งแล้วแบ่ง
ส่วนบุญในทานของเธอให้ฉันบ้าง. " นายภัตตภติกะนั้น ได้ทำตามนั้น
แล้ว. แม้เศรษฐีก็ได้แบ่งครึ่งทรัพย์สมบัติอันเป็นของ ๆ ตนทั้งหมด
ให้แก่นายภัตตภติกะนั้น.

สัมปทา 4 อย่าง


จริงอยู่ ชื่อว่าสัมปทามี 4 อย่างคือ วัตถุสัมปทา ปัจจัยสัมปทา
เจตนาสัมปทา คุณาติเรกสัมปทา. ในสัมปทา 4 อย่างนั้น พระอรหันต์
หรือพระอนาคามี ควรแก่นิโรธสมาบัติ ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลล ชื่อวัตถุ
สัมปทา. การบังเกิดขึ้นแห่งปัจจัยทั้งหลาย โดยธรรมสม่ำเสมอ ชื่อปัจจัย-
สัมปทา, ความที่เจตนาใน 3 กาล คือในกาลก่อนแต่ให้, ในกาลกำลังให้,
ในกาลภายหลัง สัมปยุตด้วยญาณ อันกำกับโดยโสมนัส ชื่อเจตนสัมปทา.
ส่วนความที่ทักขิไณยบุคคลออกจากสมาบัติ ชื่อว่าคุณาติเรกสัมปทา.
ก็สัมปทาทั้ง 4 อย่างคือ พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ขีณาสพเป็นทักขิไณย-
บุคคล. ปัจจัยที่เกิดแล้ว โดยธรรม โดยความที่ทำการจ้างได้เเล้ว. เจตนา
บริสุทธิ์ใน 3 กาล พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ออกจากสมาบัติเป็นผู้ยิ่ง
โดยคุณ สำเร็จแล้วแก่นายภัตตภติกะนี้. ด้วยอานุภาพแห่งสัมปทา 4 นี้
นายภัตตภติกะ จึงบรรลุมหาสมบัติในทันตาเห็นทีเดียว. เพราะฉะนั้น
นายภัตตภติกะนั้น จึงได้สมบัติจากสำนักของเศรษฐี.

นายภัตตภติกะได้เป็นเศรษฐี


ก็ในกาลต่อมา แม้พระราชา ทรงสดับกรรมที่นายภัตตภติกะนี้ทำ
แล้ว จึงได้รับสั่งให้เรียกเข้ามาเฝ้า แล้วพระราชทานทรัพย์ให้พันหนึ่ง
ทรงรับส่วนบุญ ทรงพอพระทัย พระราชทานโภคะเป็นอันมาก แล้วก็ได้
พระราชทานตำแหน่งเศรษฐีให้. เขาได้มีชื่อว่า " ภัตตภติกเศรษฐี "
ภัตตภติกเศรษฐีนั้น เป็นสหายกับคันธเศรษฐี กินดื่มร่วมกัน ดำรงอยู่
ตลอดอายุแล้ว จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้บังเกิดในเทวโลก เสวยสมบัติ