เมนู

ผมในโลกนี้เลย. ขอจงทำการสงเคราะห์ในปรโลกเถิด. ผมจักถวายทั้งหมด
ทีเดียว ไม่ให้เหลือ."

ทานที่ถวายไม่เหลือมีผลมาก


จริงอยู่ ทานที่บุคคลถวายไม่เหลือไว้เพื่อตนแม้แต่น้อยหนึ่ง ชื่อว่า
ทานไม่มีส่วนเหลือ. ทานนั้นย่อมมีผลมาก. นายภัตตภติกะนั้น เมื่อทำ
อย่างนั้น จึงได้ถวายหมด ไหว้อีกแล้ว เรียนว่า " ท่านขอรับ ผมอาศัย
ถาดภัตถาดเดียว ต้องทำการรับจ้างในเรือนของคนอื่นถึง 3 ปี ได้เสวย
ทุกข์แล้ว. บัดนี้ ขอความสุขจงมีแก่กระผมในที่ที่บังเกิดแล้วเถิด. ขอ
กระผมพึงมีส่วนแห่งธรรมที่ท่านเห็นแล้วเถิด. " พระปัจเจกพุทธเจ้า
กล่าวว่า " ขอจงสมคิด เหมือนแก้วสารพัดนึก ความดำริอันให้ความใคร่
ทุกอย่าง จงบริบูรณ์แก่ท่าน เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญฉะนั้น " เมื่อ
จะทำอนุโมทนา จึงกล่าวว่า
"สิ่งที่ท่านมุ่งหมายแล้ว จงสำเร็จพลันทีเดียว,
ความดำริทั้งปวง จงเต็มเหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญ.
สิ่งที่ท่านมุ่งหมายแล้ว จงสำเร็จพลันทีเดียว. ความ
ดำริทั้งปวง จงเต็มเหมือนแก้วมณีโชติรส ฉะนั้น "

ดังนี้แล้ว อธิษฐานว่า " ขอมหาชนนี้ จงยืนเห็นเราจนกระทั่งถึงเขาคันธ-
มาทน์เถิด." ได้ไปสู่ภูเขาคันธมาทน์โดยอากาศแล้ว. ถึงมหาชนก็ได้ยืนเห็น
ท่านอยู่นั่นแหละ. พระปัจเจกพุทธเจ้า ไปภูเขาคันธมาทน์แล้ว ได้แบ่ง
บิณฑบาตนั้นถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 500 รูป พระปัจเจกพุทธเจ้า
ทุก ๆ รูป ได้รับเอาภัตเพียงพอแก่ตน ๆ แล้ว ใคร ๆ ไม่พึงคิดว่า

" บิณฑบาตเล็กน้อยจะพอเพียงอย่างไร ? " ด้วยว่าอจินไตย 4 อย่าง พระ-
ผู้มีพระเจ้าตรัสไว้แล้ว, ในอจินไตย 4 เหล่านั้น นี้ก็เป็นปัจเจกพุทธ-
วิสัยแล.

คันธเศรษฐีแบ่งทรัพย์ให้นายภัตตภติกะ


มหาชน เห็นบิณฑบาตที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเเบ่งถวายแก่พระปัจ-
เจกพุทธเจ้าทั้งหลายอยู่ ก็ได้พากันยังพันแห่งสาธุการให้เป็นไปเเล้ว.
เสียงสาธุการได้เป็นประหนึ่งเสียงอสนีบาต. คันธเศรษฐีได้ยินเสียงนั้นแล้ว
จึงคิดว่า " นายภัตติภติกะเห็นจะไม่สามารถทรงสมบัติเราให้แล้วได้.
เพราะเหตุนั้น มหาชนนี้ เมื่อทำการหัวเราะเยาะจึงได้อื้อฉาวขึ้น. ท่าน
เศรษฐีนั้น ส่งคนไปเพื่อทราบเรื่องราวที่เป็นไปแล้ว. คนเหล่านั้น มาแล้ว
บอกว่า " นายขอรับ ธรรมดาผู้ทรงสมบัติ ย่อมเป็นเห็นปานนี้ " ดังนี้แล้ว
จึงบอกเรื่องราวที่เป็นไปแล้วนั้น.
เศรษฐี ฟังเรื่องนั้นแล้ว เป็นผู้มีสรีระอันปีติมีวรรณะ 5 ถูกต้อง
แล้ว จึงกล่าวว่า " น่าอัศจรรย์ นายภัตตภติกะนั้น ทำสิ่งที่บุคคลทำได้
โดยยากแล้ว. เราดำรงอยู่ในสมบัติเห็นปานนี้ ตลอดกาลมีประมาณเท่านี้
ยังไม่ได้อาจเพื่อให้สิ่งไรได้ " ดังนี้แล้ว จึงให้เรียกนายภัตตภติกะนั้นมา
แล้ว ถามว่า " ได้ยินว่า เธอทำกรรมชื่อนี้จริงหรือ ? " เมื่อเขาตอบว่า
" ขอรับ นาย " จึงกล่าวว่า " เอาเถิด เธอจงถือเอาทรัพย์พันหนึ่งแล้วแบ่ง
ส่วนบุญในทานของเธอให้ฉันบ้าง. " นายภัตตภติกะนั้น ได้ทำตามนั้น
แล้ว. แม้เศรษฐีก็ได้แบ่งครึ่งทรัพย์สมบัติอันเป็นของ ๆ ตนทั้งหมด
ให้แก่นายภัตตภติกะนั้น.