เมนู

คน 2 พวกมีความคิดต่างกัน


บรรดามหาชนเหล่านั้น พวกมิจฉาทิฏฐิ คิดว่า " ท่านทั้งหลาย
จงดูกิริยาของพระสมณโคดม, พระสมณโคดมนั่น ย่อมพูดสักแต่ปาก
เท่านั้น ได้ยินว่า ในวันนี้ สันตติมหาอำมาตย์นั่น มึนเมาสุราอย่างนั้น
แต่งตัวอยู่ตามปกติ ฟังธรรมในสำนักของพระสมณโคดมนั้นแล้ว จัก
ปรินิพพาน, ในวันนี้ พวกเราจักจับผิดพระสมณโคดมนั้นด้วยมุสาวาท."
พวกสัมมาทิฏฐิ คิดกันว่า "น่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
มีอานุภาพมาก, ในวันนี้เราทั้งหลาย จักได้ดูการเยื้องกรายของพระพุทธเจ้า
และการเยื้องกรายของสันตติมหาอำมาตย์."
ส่วนสันตติมหาอำมาตย์ เล่นน้ำตลอดวันที่ท่าอาบน้ำแล้ว ไปสู่
อุทยาน นั่งที่พ่นโรงดื่ม.

หญิงฟ้อนเป็นลมตาย


ฝ่ายหญิงนั้น ลงไปในท่ามกลางที่เต้นรำ เริ่มจะแสดงการฟ้อน
และการขับ, เมื่อนางแสดงการฟ้อนการขับอยู่ในวันนั้น ลมมีพิษเพียง
ดังศัสตราเกิดขึ้นแล้วในภายในท้อง ได้ตัดเนื้อหทัยแล้ว เพราะความที่
นางเป็นผู้มีอาหารน้อยถึง 7 วัน เพื่อแสดงความอ้อนแอ้นแห่งสรีระ. ใน
ทีทันใดนั้นเอง นางมีปากล้าและตาเหลือก ได้กระทำกาละแล้ว.

โศกเพราะภรรยาตาย


สันตติมหาอำมาตย์ กล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย จงตรวจดูนางนั้น"
ในขณะสักว่าคำอันชนทั้งหลายกล่าวว่า "หญิงนั้นดับแล้ว นาย" ดังนี้
ถูกความโศกอย่างแรงกล้าครอบงำแล้ว. ในขณะนั้นเอง สุราที่เธอดื่ม

ตลอด 7 วัน ได้ถึงความเสื่อมหายแล้ว ประหนึ่งหยาดน้ำในกระเบื้อง
ที่ร้อนฉะนั้น. เธอคิดว่า " คนอื่น เว้นพระตถาคตเสีย จักไม่อาจเพื่อจะ
ยังความโศกของเรานี้ให้ดับได้ " มีพลกายแวดล้อมแล้ว ไปสู่สำนักของ
พระศาสดาในเวลาเย็น ถวายบังคมแล้ว กราบทูลอย่างนั้นว่า " ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ความโศกเห็นปานนี้เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์, ข้าพระองค์
มาแล้ว ก็ด้วยหมายว่า 'พระองค์จักอาจเพื่อจะดับความโศก ของ
ข้าพระองค์นั้นได้.' ขอพระองค์จงทรงเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์เถิด. "

พระศาสดาระงับความโศกของบุคคลได้


ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะเธอว่า " ท่านมาสู่สำนักของผู้สามารถ
เพื่อดับความโศกได้แน่นอน, อันที่จริง น้ำตาที่ไหลออกของท่านผู้ร้องไห้
ในเวลาที่หญิงนี้ตาย ด้วยเหตุนี้นั่นแล มากกว่าน้ำของมหาสมุทรทั้ง 4 "
ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
" กิเลสเครื่องกังวลใด มีอยู่ในกาลก่อน เธอจง
ยังกิเลสเครื่องกังวลนั้น ให้เหือดแห้งไป กิเลสเครื่อง
กังวล จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง, ถ้าเธอจักไม่ยึด
ถือขันธ์ ในท่ามกลาง จักเป็นผู้สงบระงับเที่ยว
ไป. "

ในกาลจบพระคาถา สันตติมหาอำมาตย์ บรรลุพระอรหัตแล้ว
พิจารณาดูอายุสังขารของตน ทราบความเป็นไปไม่ได้แห่งอายุสังขารนั้น
แล้ว จึงกราบทูลพระศาสดาว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จง
ทรงอนุญาตการปรินิพพานแก่ข้าพระองค์เถิด. "