เมนู

พระศาสดาตรัสถาม (ภิกษุนั้น) ว่า "ได้ยินว่า เป็นอย่างนั้น
จริงหรือ ? ภิกษุ " เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า " จริง พระเจ้าข้า " จึงตรัส
ว่า " ภิกษุ ก็เหตุไร เธอ เมื่อเราแสดงธรรมเพื่อความเป็นผู้มีความ
ปรารถนาน้อยแล้ว, จึงกลับเป็นผู้มีภัณฑ์มากอย่างนี้เล่า ? "
ภิกษุนั้นโกรธแล้วด้วยเหตุเพียงเท่านั้นแล คิดว่า " บัดนี้เราจัก
เที่ยวไป โดยทำนองนี้ " ดังนี้แล้ว ทิ้ง (เปลื้อง) ผ้าห่ม มีจีวรตัวเดียว
ได้ยืนอยู่ในท่ามกลางบริษัท.

พระศาสดาให้เธอกลับมีหิริและโอตตัปปะ


ลำดับนั้น พระศาสดา เมื่อจะทรงอุปถัมภ์ภิกษุรูปนั้น จึงตรัสว่า
" ภิกษุ ในกาลก่อน เธอแสวงหาหิริและโอตตัปปะ แม้ในกาลเป็นรากษส
น้ำ ก็แสวงหาหิริโอตตัปปะอยู่ (ถึง) 12 ปี มิใช่หรือ ? (แต่) บัดนี้ เธอ
บวชในพระพุทธศาสนาที่เคารพอย่างนี้แล้ว เปลื้องผ้าห่มละหิริและโอต-
ตัปปะ ยืนอยู่ในท่ามกลางบริษัท 4 เพราะเหตุไร ? "
ภิกษุนั้นฟังพระดำรัสของพระศาสดาแล้ว กลับตั้งหิริและโอต-
ตัปปะขึ้นได้ ห่มจีวรนั้น ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว นั่ง ณ ที่ สมควร
ข้างหนึ่ง.
ภิกษุทั้งหลายทูลขอพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อให้ทรงประกาศ
เนื้อความนั้น. ทีนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำอดีตนิทานมาตรัสว่า:-

บุรพกรรมของภิกษุนั้น


" ได้ยินว่า ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในพระครรภ์
พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี. ในวันขนานพระนามของพระโพธิ-
1. คือ เหลือสบงตัวเดียว เพราะ ติจีวรํ ย่อมหมายผ้า 3 ผืน.