เมนู

แล้ว ก็ถามว่า " นี้ อะไรกัน " ก็บอกว่า " นี่ เป็นกรรมของคนแก่ผู้
บอดเหล่านี้, แกทั้งสองเที่ยวทำเรือนทั่วทุกแห่งให้สกปรก. ฉันไม่อาจ
อยู่ในที่แห่งเดียวกันกับแกทั้งสองนั่นได้.

เชื่อเมียต้องเสียพ่อแม่


เมื่อหญิงนั้น บ่นพร่ำอยู่อย่างนั้น. สัตว์ผู้มีบารมีบำเพ็ญไว้แล้ว
แม้เห็นปานนั้น ก็แตกกับมารดาบิดาได้. เขาพูดว่า " เอาเถอะ, ฉันจักรู้
กรรมที่ควรทำแก่ท่านทั้งสอง " ดังนี้แล้ว เชิญมารดาบิดาให้บริโภคแล้ว
ก็ชักชวนว่า " ข้าแต่พ่อและแม่ พวกญาติในที่ชื่อโน้น หวังการมาของ
ท่านทั้งสองอยู่. ผมจัก (พา) ไปในที่นั้น " ดังนี้แล้ว ให้ท่านทั้งสองขึ้น
สู่ยานน้อยแล้วพาไป ในเวลาถึงกลางดงลวงว่า " คุณพ่อขอรับ ขอพ่อ
จงถือเชือกไว้. โคทั้งสองจักไปด้วยสัญญาแห่งปฏัก, ในที่นี้มีพวกโจรซุ่ม
อยู่, ผมจะลงไป " ดังนี้แล้ว มอบเชือกไว้ในมือของบิดา ลงไปแล้ว
ได้เปลี่ยนเสียงทำให้เป็นเสียงพวกโจรซุ่มอยู่.

มารดาบิดาสิเนหาในบุตรยิ่งกว่าตน


มารดาบิดาได้ยินเสียงนั้น ด้วยสำคัญว่า " พวกโจรซุ่มอยู่ " จึงกล่าว
ว่า " ลูกเอ๋ย แม่และพ่อแก่แล้ว, เจ้าจงรักษาเฉพาะตัวเจ้า (ให้พ้นภัย)
เถิด." เขาทำเสียงดุจโจร ทุบตีมารดาบิดา แม้ผู้ร้องอยู่อย่างนั้นให้ตาย
แล้ว ทิ้งไว้ในดง แล้วกลับไป.

ผลของกรรมชั่วตามสนอง


พระศาสดา ครั้นตรัสบุรพกรรมนี้ของพระมหาโมคคัลลานะนั้นแล้ว
ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะ ทำกรรมประมาณเท่านี้ไหม้ใน
นรกหลายแสนปี, ด้วยวิบากที่ยังเหลือ จึงถูกทุบตีอย่างนั้นนั่นแล ละเอียด

หมด ถึงมรณะ สิ้น 100 อัตภาพ, โมคคัลลานะ ได้มรณะอย่างนี้ ก็พอ
สมแก่กรรมของตนเองแท้. พวกเดียรถีย์ 500 กับโจร 500 ประทุษ-
ร้ายต่อบุตรของเราผู้ไม่ประทุษร้าย ก็ได้มรณะที่เหมาะ (แก่กรรมของเขา)
เหมือนกัน, ด้วยว่า บุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อม
ถึงความพินาศฉิบหายด้วยเหตุ 10 ประการเป็นแท้ " ดังนี้แล้ว เมื่อจะ
ทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า
7. โย ทณฺเฑน อทณฺเฑนสุ อปฺปทุฏฺเฐสุ ทุสฺสติ
ทสนฺนมญฺญตรํ ฐานํ ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ
เวทนํ ผรุสํ ชานึ สรีรสฺส จ เภทนํ
ครุกํ วาปิ อาพาธํ จิตฺตกฺเขปํ ว ปาปุเณ
ราชฺโต วา อุปสคฺคํ อพฺภกฺขานํ ว ทารุณํ
ปริกฺขยํ ว ญาตีนํ โภคานํ ว ปภงฺคุณํ
อถ วาสฺส อคารานิ อคฺคิ ฑหติ ปาวโก
กายสฺส เภทา ทุปฺปญฺโญ นิรยํ โส อุปปชฺชติ.
" ผู้ใด ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้ายทั้ง
หลาย ผู้ไม่มีอาชญา ด้วยอาชญา ย่อมถึงฐานะ 10
อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งพลันทีเดียว คือ ถึงเวทนา
กล้า 1 ความเสื่อมทรัพย์ 1 ความสลายแห่งสรีระ 1
อาพาธหนัก 1 ความฟุ้งซ่านแห่งจิต 1 ความขัดข้อง
แต่พระราชา 1 การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรง 1 ความ
ย่อยยับแห่งเครือญาติ 1 ความเสียหายแห่งโภคะ
ทั้งหลาย 1 อีกอย่างหนึ่ง ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของ

เขา, ผู้นั้นมีปัญญาทราม เพราะกายแตก ย่อมเข้า
ถึงนรก."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อทณฺเฑสุ ความว่า ในพระขีณาสพ
ทั้งหลาย ผู้เว้น จากอาชญามีอาชญาทางกายเป็นอาทิ.
บทว่า อปฺปทุฏฺเฐสุ ความว่า ผู้ไม่มีความผิดในชนเหล่าอื่น หรือ
ในตน.
บาทพระคาถาว่า ทสนฺนนญฺญตร ฐานํ ความว่า ในเหตุแห่งทุกข์
10 อย่าง ซึ่งเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง.
บทว่า เวทนํ ได้แก่ เวทนากล้า อันต่างด้วยโรคมีโรคในศีรษะ
เป็นต้น.
บทว่า ชานึ ได้แก่ ความเสื่อมทรัพย์ที่ได้โดยยาก.
บทว่า เภทนํ ได้แก่ ความสลายแห่งสรีระมีการตัดมือเป็นต้น.
บทว่า ครุกํ ได้แก่ (หรือ) อาพาธหนักต่างโดยโรคมีโรคอัมพาต1
มีจักษุข้างเดียว เปลี้ย ง่อย และโรคเรื้อนเป็นต้น.
บทว่า จิตฺตกฺเขปํ ได้แก่ ความเป็นบ้า.
บทว่า อุปสคฺคํ ได้แก่ (หรือ) ความขัดข้องแต่พระราชาเป็นต้น
ว่า ถอดยศลดตำแหน่งเสนาบดีเป็นต้น.
บทว่า อพฺภกฺขานํ ความว่า การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรงเห็นปานนี้
ว่า ' กรรมมีการตัดที่ต่อเป็นต้นนี้ก็ดี, กรรมคือการประพฤติผิดในพระ-
ราชานี้ก็ดี เจ้าทำแล้ว.' ซึ่งตนไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยคิดเลย.
1. Caralysis โรคเส้นประสาทพิการทำให้เนื้อตัวตาย.