เมนู

อย่างนั้น; ความเป็นอยู่แม้เพียงขณะเดียว ของผู้เห็นพระนิพพาน ประ-
เสริฐกว่าความเป็นอยู่ 100 ปี ของผู้ไม่เห็นพระนิพพานอย่างนั้น" ดังนี้
แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
13. โย จ วสฺสสตํ ชีเว อปสฺสํ อมตํ ปทํ
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย ปสฺสโต อมตํ ปทํ.
"ก็ผู้ใด ไม่เห็นบทอันไม่ตาย พึงเป็นอยู่ 100
ปี, ความเป็นอยู่วันเดียว ของผู้เห็นบทอันไม่ตาย
ประเสริฐกว่า ความเป็นอยู่ของผู้นั้น."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า อมตํ ปทํ ความว่า อมตมหา-
นิพพาน อันเป็นส่วนที่เว้นจากมรณะ.
คำที่เหลือ เช่นเดียวกับคำมีในก่อนนั้นแล.
ในกาลจบเทศนา นางกิสาโคตมีนั่งอยู่ตามเดิมนั่นแล ดำรงอยู่ใน
พระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ดังนี้แล.
เรื่องนางกิสาโคตมี จบ.

14. เรื่องพระพหุปุตติกาเถรี [94]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระพหุปุตติกา-
เถรี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โย จ วสฺสสตํ ชีเว" เป็นต้น.

นางมีลูกมาก


ได้ยินว่า ในตระกูลหนึ่ง ณ กรุงสาวัตถี ได้มีบุตร 7 คนและ
ธิดา 7 คน บุตรและธิดาแม้ทั้งหมดนั้นเจริญวัยแล้ว ดำรงอยู่ในเรือน
ได้ถึงความสุขตามธรรมดาของตน. สมัยอื่น บิดาของชนเหล่านั้นได้ทำ
กาละแล้ว.
มหาอุบาสิกา ถึงเมื่อสามีล่วงลับไปแล้ว ก็ยังไม่แบ่งกองทรัพย์ให้
แก่บุตรทั้งหลายก่อน. ครั้งนั้น บุตรทั้งหลายกล่าวกะมารดานั้นว่า "เมื่อ
บิดาของฉันล่วงลับไปแล้ว, ประโยชน์อะไรของแม่ด้วยกองทรัพย์, พวก
ฉันไม่อาจบำรุงแม่ได้หรือ ?" นางฟังคำของบุตรเหล่านั้นแล้วก็นิ่งเสีย
ถูกบุตรเหล่านั้นพูดบ่อย ๆ จึงคิดว่า "พวกลูก ๆ จักบำรุงเรา, ประ-
โยชน์อะไรของเราด้วยกองทรัพย์ส่วนหนึ่ง" ได้แบ่งสมบัติทั้งหมดครึ่งหนึ่ง
ให้ไป
ครั้งนั้น โดยกาลล่วงไป 2-3 วัน ภรรยาของบุตรคนใหญ่กล่าว
กะแม่ผัวนั้นว่า "โอ คุณแม่ของพวกเรามาเรือนนี้เท่านั้นเหมือนกะให้
ไว้ 2 ส่วนว่า 'บุตรชายคนใหญ่ของเรา." แม้ภรรยาของบุตรที่เหลือ
ก็กล่าวอย่างนั้นเหมือนกัน.