เมนู

ในมือของท่านอย่างนั้น จักกลายเป็นเงินและทอง; ก็ผู้นั้นถ้าเป็นหญิง
รุ่นสาว, ท่านจงนำนางมาเพื่อบุตรในเรือนของท่าน มอบทรัพย์ 40 โกฏิ
ให้แก่นาง พึงใช้สอยเงินทองที่นางให้, ถ้าเป็นเด็กชาย, ท่านพึงให้ธิดา
ผู้เจริญวัยแล้วในเรือนของท่านแก่เขา แล้วมอบทรัพย์ 40 โกฏิให้แก่เขา
ใช้สอยทรัพย์ที่เขาให้.
เศรษฐีนั้นกล่าวว่า "อุบายดี" จึงทำถ่านให้กองไว้ในร้านตลาด
ของตน นั่งทำเหมือนจะขาย. คนเหล่าใดพูดกะเศรษฐีนั้นอย่างนี้ว่า
" ชนที่เหลือทั้งหลาย ขายผ้า น้ำมัน น้ำผึ้ง และน้ำอ้อยเป็นต้น, ท่าน
นั่งขายถ่าน" ก็ให้คำตอบแก่คนเหล่านั้นว่า "ฉันไม่ขายของ ๆ ตน
จักทำอย่างไร ?"

ถ่านกลายเป็นทรัพย์อย่างเดิม


ครั้งนั้น หญิงรุ่นสาวคนหนึ่งชื่อโคตมี ปรากฏชื่อว่า "กิสาโคตมี"
เพราะนางมีสรีระแบบบาง เป็นธิดาของตระกูลเก่าแก่ ไปยังประตูตลาด
ด้วยกิจอย่างหนึ่งของตน เห็นเศรษฐีนั้น จึงกล่าวอย่างนั้นว่า "พ่อ ชนที่
เหลือ ขายผ้า น้ำมัน น้ำผึ้ง และน้ำอ้อยเป็นต้น. ทำไมท่านจึงนั่งขาย
เงินและทอง ?"
เศรษฐี. เงินทองที่ไหน ? แม่.
นางโคตมี. ท่านนั่งจับเงินทองนั้นเอง มิใช่หรือ ?
เศรษฐี. จงนำเงินทองนั้นมาก่อน แม่.
นางกอบเต็มมือแล้ว วางไว้ในมือของเศรษฐีนั้น. ถ่านนั้นได้กลาย
เป็นเงินและทองทั้งนั้น.
ลำดับนั้น เศรษฐีถามนางว่า "แม่ เรือนเจ้าอยู่ไหน." เมื่อนาง

ตอบว่า "ชื่อโน้นจ้ะ." รู้ความที่นางยังไม่มีสามีแล้ว จึงเก็บทรัพย์นำนาง
มาเพื่อนบุตรของตน ให้รับทรัพย์ 40 โกฏิไว้. ทรัพย์ทั้งหมดได้กลาย
เป็นเงินและทองดังเดิม.
สมัยอื่นอีกนางตั้งครรภ์. โดยกาลล่วงไป 10 เดือน นางคลอดบุตร
แล้ว. บุตรนั้นได้ทำกาละแล้วในเวลาเดินได้. นางห้ามพวกชนที่จะนำ
บุตรนั้นไปเผา เพราะนางไม่เคยเห็นความตาย อุ้มร่างบุตรผู้ตายแล้วด้วย
สะเอว ด้วยหวังว่า "จักถามถึงยา เพื่อบุตรเรา" เที่ยวถามไปตามลำดับ
เรือนว่า "ท่านทั้งหลายรู้จักยาเพื่อบุตรของฉันบ้างไหมหนอ ?" ทีนั้น
คนทั้งหลายพูดกับนางว่า " แม่ เจ้าเป็นบ้าแล้วหรือ ? เจ้าเที่ยวถามถึง
ยาเพื่อบุตรที่ตายแล้ว." นางสำคัญว่า "จักได้คนผู้รู้จักยาเพื่อบุตรของเรา
แน่แท้" จึงเที่ยวไป.
ทีนั้น บุรุษผู้เป็นบัณฑิตคนหนึ่ง เห็นนางแล้วคิดว่า "ธิดาของ
เรานี้จักคลอดบุตรคนแรก ไม่เคยเห็นความตาย, เราเป็นที่พึ่งของหญิง
นี้ย่อมควร" จึงกล่าวว่า "แม่ ฉันไม่รู้จักยา, แต่ฉันรู้จักคนผู้รู้ยา."
นางโคตมี. ใครรู้ ? พ่อ.
บัณฑิต. แม่ พระศาสดาทรงทราบ, จงไปทูลถามพระองค์เถิด
นางกล่าวว่า "พ่อ ฉันจักไป, จักทูลถาม พ่อ" ดังนั้นแล้วเข้าไป
เฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ณ ที่สุดข้างหนึ่ง ทูลถามว่า "ทราบ
ว่า พระองค์ทรงทราบยาเพื่อบุตรของหม่อมฉันหรือ ? พระเจ้าข้า."
พระศาสดา. เออ เรารู้.
นางโคตมี. ได้อะไร ? จึงควร.
พระศาสดา. ได้เมล็ดพันธุ์ผักกาดสักหยิบมือหนึ่ง ควร.

นางโคตมี. จักได้ พระเจ้าข้า, แต่ได้ในเรือนใคร ? จึงควร.
พระศาสดา. บุตรหรือธิดาไร ๆ ในเรือนของผู้ใด ไม่เคยตาย.
ได้ในเรือนของผู้นั้น จึงควร.
นางทูลรับว่า " ดีละ พระเจ้าข้า" แล้วถวายบังคมพระศาสดา
อุ้มบุตรผู้ตายแล้วด้วยสะเอวเข้าไปภายในบ้าน ยืนที่ประตูเรือนหลังแรก
กล่าวว่า " เมล็ดพันธุ์ผักกาดในเรือนนี้ มีบ้างไหม ? ทราบว่านั่นเป็น
ยาเพื่อบุตรของฉัน." เมื่อเขาตอบว่า "มี" จึงกล่าวว่า " ถ้าอย่างนั้น
จงให้เถิด," เมื่อคนเหล่านั้นนำเมล็ดพันธุ์ผักกาดมาให้, จึงถามว่า " ใน
เรือนนี้ บุตรหรือธิดาเคยตายไม่มีบ้างหรือ ? แม่" เมื่อเขาตอบว่า "พูด
อะไร ? แม่ เพราะคนเป็นมีเล็กน้อย, คนตายนั้นแหละมีมาก." จึงกล่าว
ว่า "ถ้าอย่างนั้น จงรับเมล็ดพันธุ์ผักกาดของท่านไปเถิด, นั่นไม่เป็นยา
เพื่อบุตรของฉัน" แล้วได้ให้คืนไป; เที่ยวถามโดยทำนองนี้ ตั้งแต่เรือน
หลังต้น. นางไม่รับเมล็ดพันธุ์ผักกาดแม้ในเรือนหลังหนึ่ง ในเวลาเย็น
คิดว่า "โอ กรรมหนัก, เราได้ทำความสำคัญว่า 'บุตรของเราเท่านั้น
ตาย,' ก็ในบ้านทั้งสิ้น คนที่ตายเท่านั้นมากกว่าคนเป็น." เมื่อนางคิดอยู่
อย่างนี้ หัวใจที่อ่อนด้วยความรักบุตร ได้ถึงความแข็งแล้ว. นางทิ้งบุตร
ไว้ในป่า ไปยังสำนักพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว ได้ยืน ณ ที่สุดข้าง
หนึ่ง.
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะนางว่า "เธอได้เมล็ดพันธุ์ผักกาด
ประมาณหยิบมือหนึ่งแล้วหรือ ?"
นางโคตมี. ไม่ได้ พระเจ้าข้า, เพราะในบ้านทั้งสิ้น คนตายนั้น
แหละมากกว่าคนเป็น.

ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะนางว่า "เธอเข้าใจว่า 'บุตรของ
เราเท่านั้นตาย,' ความตายนั่นเป็นธรรมยั่งยืนสำหรับสัตว์ทั้งหลาย, ด้วย
ว่า มัจจุราชฉุดคร่าสัตว์ทั้งหมด ผู้มีอัธยาศัยยังไม่เต็มเปี่ยมนั่นแลลงใน
สมุทรคืออบาย ดุจห้วงน้ำใหญ่ฉะนั้น" เมื่อจะทรงแสดงธรรมจึงตรัส
พระคาถานี้ว่า :-
"มฤตยู ย่อมพาชนผู้มัวเมาในบุตรและสัตว์
ของเลี้ยง ผู้มีใจซ่านไปในอารมณ์ต่าง ๆ ไป ดุจ
ห้วงน้ำใหญ่ พัดชาวบ้านผู้หลับไหลไปฉะนั้น."

ในกาลจบคาถา นางกิสาโคตมีดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล, แม้ชน
เหล่าอื่นเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล

นางบวชในพุทธศาสนา


ฝ่ายนางกิสาโคตมีนั้นทูลขอบรรพชากะพระศาสดาแล้ว. พระศาสดา
ทรงส่งไปยังสำนักของนางภิกษุณีให้บรรพชาแล้ว. นางได้อุปสมบทแล้ว
ปรากฏชื่อว่า " กิสาโคตมีเถรี."
วันหนึ่ง นางถึงวาระในโรงอุโบสถ นั่งตามประทีปเห็นเปลวประทีป
ลุกโพลงขึ้นและหรี่ลง1 ได้ถือเป็นอารมณ์ว่า " สัตว์เหล่านั้นก็อย่างนั้น
เหมือนกัน เกิดขึ้นและดับไปดังเปลวประทีป, ผู้ถึงพระนิพพาน ไม่
ปรากฏอย่างนั้น."
พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎีนั่นแล ทรงแผ่พระรัศมีไป ดัง
นั่งตรัสตรงหน้านาง ตรัสว่า "อย่างนั้นแหละโคตมี สัตว์เหล่านั้น ย่อม
เกิดและดับเหมือนเปลวประทีป, ถึงพระนิพพานแล้ว ย่อมไม่ปรากฏ
1. ภิชฺชนฺติโย.