เมนู

ก่อนแต่วันนั้น เศรษฐีนั้นไปสู่พระราชมนเทียร เพื่อบำรุงพระราชา
ทำการบำรุงพระราชาแล้ว กลับมา เห็นคนบ้านนอกคนหนึ่งถูกความหิว
ครอบงำ กำลังกินขนมกุมมาส (ขนมเบื้อง) ให้เกิดความกระหายใน
ขนมนั้นขึ้น ไปสู่เรือนของตนแล้ว คิดว่า "ถ้าเราบอกว่าเราอยากกิน
ขนมเบื้อง ' ไซร้, คนเป็นอันมากก็จัก ( พากัน) อยากกินกับเรา,
เมื่อเป็นอย่างนั้น วัตถุเป็นอันมาก มีงา ข้าวสาร เนยใส น้ำอ้อย
เป็นต้น ของเรา ก็จักถึงความหมดไป. เราจักไม่บอกแก่ใคร ๆ"
ดังนี้แล้ว อดกลั้นความอยากเที่ยวไป, เมื่อเวลาล่วงไป ๆ เขาผอมเหลือง
ลงทุกที มีตัวสะพรั่งด้วยเส้นเอ็น, แต่นั้น ไม่สามารถจะอดกลั้นความ
อยากไว้ได้ เข้าห้องแล้วนอนกอดเตียง. เขาแม้ถึงความทุกข์อย่างนี้ก็ยัง
ไม่บอกอะไร ๆ แก่ใคร ๆ เพราะกลัวเสียทรัพย์.

ภรรยาเศรษฐีทอดขนมเบื้อง


ลำดับนั้น ภรรยาเข้าไปหาเขาลูบหลังถามว่า "ท่านไม่สบายหรือ ?
นาย."
เศรษฐี. ความไม่สบายอะไร ๆ ของฉันไม่มี.
ภรรยา. ก็พระราชากริ้วท่านหรือ ?
เศรษฐี. ถึงพระราชาก็ไม่กริ้วฉัน.
ภรรยา. เมื่อเป็นเช่นนั้น ความไม่พอใจอะไร ๆ ที่พวกลูกชาย
ลูกหญิงหรือปริชนมีทาสกรรมกรเป็นต้นกระทำแก่ท่าน มีอยู่หรือ ?
เศรษฐี. แม้กรรมเห็นปานนั้นก็ไม่มี.
ภรรยา. ก็ท่านมีความอยากในอะไรหรือ ?

แม้เมื่อภรรยากล่าวอย่างนั้น เขาก็ไม่กล่าวอะไร คงนอนเงียบ
เสียงเพราะกลัวเสียทรัพย์. ลำดับนั้น ภรรยากล่าวกะเขาว่า " บอกเถิด
นาย, ท่านอยากอะไร ?" เขาเป็นเหมือนกลืนคำพูดไว้ ตอบว่า "ฉัน
มีความอยาก."
ภรรยา. อยากอะไร ? นาย.
เศรษฐี. ฉันอยากกินขนมเบื้อง.
ภรรยา. เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไม ท่านไม่บอกแก่ดิฉัน. ท่านเป็น
คนจนหรือ ? บัดนี้ ดิฉันจักทอดขนมเบื้องให้พอแก่คนที่อยู่ในสักกรนิคม
ทั้งสิ้น.
เศรษฐี. ประโยชน์อะไรของเธอด้วยคนพวกนั้น, พวกเขาทำงาน
ของตน ก็จักกิน ( องตน).
ภรรยา. ถ้ากระนั้น ดิฉันจักทอดขนมเบื้องให้พอแก่คนที่อยู่ใน
ตรอกเดียวกัน.
เศรษฐี. ฉันรู้ความที่เธอเป็นคนรวยทรัพย์ละ.
ภรรยา. ดิฉันจะทอดให้พอแก่คนทั้งหมด (ที่อยู่ ) ในที่ใกล้
เรือนนี้.
เศรษฐี. ฉันรู้ความที่เธอเป็นคนมีอัธยาศัยกว้างขวางละ.
ภรรยา. ถ้ากระนั้น ดิฉันจะทอดให้พอแก่ชนสักว่าลูกเมียท่าน
เท่านั้นเอง.
เศรษฐี. ประโยชน์อะไรของเธอด้วยคนพวกนั้น.
ภรรยา. ก็ดิฉันจะทอดให้พอแก่ท่านและดิฉันหรือ ?

เศรษฐี. เธอจักทำ ทำไม ?
ภรรยา. ถ้ากระนั้น ดิฉันจะทอดให้พอแก่ท่านผู้เดียวเท่านั้น.
เศรษฐี. เมื่อเธอทอดขนมที่นี้ คนเป็นจำนวนมากก็ย่อมหวัง
(ที่จะกินด้วย) เธอจงเว้นข้าวสาร (ที่ดี) ทั้งสิ้น ถือเอาข้าวสารหัก
และเชิงกรานและกระเบื้อง และถือเอาน้ำนม เนยใส น้ำผึ้ง และน้ำอ้อย
หน่อยหนึ่งแล้ว ขึ้นไปชั้นบนแห่งปราสาท 7 ชั้น แล้วทอดเถิด, ฉัน
คนเดียวเท่านั้น จักนั่งกิน ณ ที่นั้น.
นางรับคำว่า "ดีละ" แล้วให้ทาสีถือสิ่งของที่ควรถือ เอาขึ้นไป
สู่ปราสาท แล้วไล่ทาสีไป ให้เรียกเศรษฐีมา. เศรษฐีนั้น ปิดประตูใส่
ลิ่มและสลักทุกประตูตั้งแต่ประตูแรกมา แล้วขึ้นไปยังชั้นที่ 7 ปิดประตู
แล้วนั่ง ณ ชั้นแม้นั้น. ฝ่ายภรรยาของเขาก็ติดไฟที่เชิงกราน ยกกระเบื้อง
ขึ้นตั้ง แล้วเริ่มทอดขนม.

พระมหาโมคคัลลานะไปทรมานเศรษฐี


ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสเรียกพระมหาโมคคัลลานเถระมาแต่เช้าตรู่
ตรัสว่า "โมคคัลลานะ ในสักกรนิคม (ซึ่งตั้งอยู่ ) ไม่ไกลกรุง
ราชคฤห์ เศรษฐีผู้มีความตระหนี่นั่นคิดว่า 'เราจักกินขนมเบื้อง' จึง
ให้ภรรยาทอดขนมเบื้องบนปราสาท 7 ชั้น เพราะกลัวคนเหล่าอื่นเห็น,
เธอจงไป ณ ที่นั้นแล้วทรมานเศรษฐี ทำให้สิ้นพยศ1 ให้ผัวเมียแม้
ทั้งสองถือขนม และน้ำนม เนยใส น้ำผึ้งและน้ำอ้อย แล้วนำมายัง
พระเชตวันด้วยกำลังของตน; วันนี้เรากับภิกษุ 500 รูปจักนั่งในวิหาร
นั่นแหละ, จักทำภัตกิจด้วยขนมเท่านั้น."
1. นิพฺพิเสวนํ แปลตามศัพท์ว่า มีความเสพผิดออกแล้ว.