เมนู

น้ำนั้นไหลไปหน่อยหนึ่งแล้วก็ขาด. ครั้งที่ 2 น้ำที่นางเทลง ได้ไหลไป
ไกลกว่านั้น. ครั้งที่ 3 น้ำที่เทลง ได้ไหลไปไกลแม้กว่านั้น ด้วยประการ
ฉะนี้. นางถือเอาน้ำนั้นนั่นแลเป็นอารมณ์ กำหนดวัยทั้ง 3 แล้ว คิดว่า
"สัตว์เหล่านี้ ตายเสียในปฐมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งแรก, ตาย
เสียในมัชฌิมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งที่ 2 ไหลไปไกลกว่านั้น, ตาย
เสียในปัจฉิมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งที่ 3 ไหลไปไกลแม้กว่านั้น."
พระศาสดาประทับในพระคันธกุฎี ทรงแผ่พระรัศมีไป เป็นดัง
ประทับยืนตรัสอยู่เฉพาะหน้าของนาง ตรัสว่า "ปฏาจารา ข้อนั้น
อย่างนั้น, ด้วยว่าความเป็นอยู่วันเดียวก็ดี ขณะเดียวก็ดี ของผู้เห็น
ความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์เหล่านั้น ประเสริฐกว่า ความ
เป็นอยู่ 100 ปี ของผู้ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์"
ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
12. โย จ วสฺสสตํ ชีเว อปสฺสํ อุทยพฺพยํ
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย ปสฺสโต อุทยพฺฑยํ.
"ก็ผู้ใด ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมอยู่
พึงเป็นอยู่ 100 ปี, ความเป็นอยู่วันเดียว ของ
ผู้เห็นความเกิดและความเสื่อม ประเสริฐกว่า
ความเป็นอยู่ของผู้นั้น."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บาทพระคาถา อปสฺสํ อุทยพฺพยํ ความว่า
ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมอยู่ ด้วยลักษณะ 25 แห่งปัญจขันธ์.

บาทพระคาถาว่า ปสฺสโต อุทยพฺพยํ ความว่า ความเป็นอยู่แม้วันเดียว
ของผู้เห็น ความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์เหล่านั้น ประเสริฐ
กว่าความเป็นอยู่ของบุคคลนอกนี้.
ในกาลจบเทศนา นางปฏาจาราบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัม-
ภิทาทั้งหลาย ดังนี้แล.
เรื่องนางปฏาจารา จบ.

13. เรื่องนางกิสาโคตมี [93]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภนางกิสาโคตมี
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โย จ วสฺสสตํ ชีเว" เป็นต้น.

ทรัพย์ของเศรษฐีกลายเป็นถ่าน


ได้ยินว่า ทรัพย์ 40 โกฏิ ในเรือนของเศรษฐีคนหนึ่ง ในกรุง
สาวัตถี ได้กลายเป็นถ่านหมดตั้งอยู่. เศรษฐีเห็นเหตุนั้นเกิดความเศร้าโศก
จึงห้ามอาหารเสีย นอนอยู่บนเตียงน้อย. สหายผู้หนึ่งของเศรษฐีนั้นถาม
ว่า "เหตุไร จึงเศร้าโศกเล่า ? เพื่อน" ฟังความเป็นไปนั้นแล้ว กล่าวว่า
" อย่าเศร้าโศกเลย เพื่อน, ฉันทราบอุบายอย่างหนึ่ง, จงทำอุบายนั้นเถิด."
เศรษฐี. ทำอย่างไรเล่า ? เพื่อน.
สหาย. เพื่อน ท่านจงปูเสื่อลำแพนที่ตลาดของตน ทำถ่านให้เป็น
กองไว้ จงนั่งเหมือนจะขาย, บรรดามนุษย์ที่มาแล้ว ๆ คนเหล่าใดพูด
อย่างนี้ว่า 'ชนที่เหลือ ชายผ้า น้ำมัน น้ำผึ้ง และน้ำอ้อยเป็นต้น ส่วน
ท่านนั่งขายถ่าน,' ท่านพึงพูดกับคนเหล่านั้น ว่า 'เราไม่ขายของ ๆ
ตนจักทำอะไร ?' ส่วนผู้ใดพูดกับท่านอย่างนี้ว่า 'ชนที่เหลือ ขายผ้า
น้ำมัน น้ำผึ้ง และน้ำอ้อยเป็นต้น, ส่วนท่านนั่งขายเงินและทอง,' ท่าน
พึงพูดกะผู้นั้นว่า 'เงินและทองที่ไหน ?' ก็เมื่อเธอพูดว่า 'นี้,' ท่าน
พึงพูดว่า 'จงนำเงินทองนั้นมาก่อน, แล้วรับด้วยมือทั้งสอง ของที่เขาให้