เมนู

4. เรื่องอนันถปุจฉกพราหมณ์ [84]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภอนัตถปุจฉก-
พราหมณ์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อตฺตา หเว" เป็นต้น.

ความฉิบหายย่อมมีแก่ผู้เสพกรรม 6 อย่าง


ได้ยินว่า พราหมณ์นั้นคิดว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบ
สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเดียวหรือหนอแล ? หรือทรงทราบแม้สิ่งมิใช่
ประโยชน์; เราจักทูลถามพระองค์" ดังนี้แล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา
ทูลถามว่า "พระเจ้าข้า พระองค์เห็นจะทรงทราบสิ่งที่เป็นประโยชน์
อย่างเดียว. ไม่ทรงทราบสิ่งที่มิใช่ประโยชน์."
พระศาสดา. พราหมณ์ เราะรู้ทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งสิ่งที่มิใช่
ประโยชน์.
พราหมณ์. ถ้าเช่นนั้น ขอพระองค์จงตรัสบอกสิ่งที่มิใช่ประโยชน์
แก่ข้าพระองค์เถิด.
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสพระคาถานี้ แก่พราหมณ์นั้นว่า
"การนอนจนตะวันขึ้น (นอนตื่นสาย) ความ
เกียจคร้าน ความดุร้าย การผัดวันประกันพรุ่ง1 การ
เดินทางไกลของคนคนเดียว การเข้าไปเสพภรรยาของ

1. ทีฆโสตฺติยํ หมายความว่า การผัดเพี้ยนกาลเวลา, การผันวันประกันพรุ่ง

ผู้อื่น พราหมณ์ ท่านจงเสพกรรม 6 อย่าง นี้เถิด,
สิ่งมิใช่ประโยชน์ [ความฉิบหาย] จักมีแก่ท่าน."
พราหมณ์ฟังพระพุทธดำรัสนั้นแล้ว ได้ให้สาธุการว่า "ดีละ
ดีละ ท่านผู้เป็นอาจารย์ของคณะ ท่านผู้เป็นใหญ่ในคณะ, พระองค์เทียว
ย่อมทรงทราบทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งสิ่งที่มิใช่ประโยชน์."
พระศาสดา. อย่างนั้น พราหมณ์, ขึ้นชื่อว่าผู้รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์
และสิ่งมิใช่ประโยชน์ เช่นกับด้วยเราไม่มี.
ลำดับนั้น พระศาสดาทรงตรวจดูอัธยาศัยของพราหมณ์นั้นแล้ว
จึงตรัสถามว่า "พราหมณ์ ท่านเป็นอยู่ (เลี้ยงชีพ) ด้วยการงานอะไร ?"
พราหมณ์. ด้วยการงานคือเล่นสกา (การพนัน) พระโคดมผู้เจริญ
พระศาสดา. ก็ท่านชนะหรือแพ้เล่า ?

ชนะตนเป็นการชนะประเสริฐ


เมื่อพราหมณ์นั้นทูลว่า "ชนะบ้าง แพ้บ้าง" ดังนี้แล้ว พระ-
ศาสดาจึงตรัสว่า "พราหมณ์ นั่นยังมีประมาณน้อย. ขึ้นชื่อว่าความ
ชนะของบุคคลผู้ชนะผู้อื่นไม่ประเสริฐ; ส่วนผู้ใดชนะตนได้ ด้วยชนะ
กิเลส, ความชนะของผู้นั้นประเสริฐ; เพราะว่าใคร ๆ ไม่อาจทำความ
ชนะนั้นให้กลับพ่ายแพ้ได้" เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัส
พระคาถาเหล่านั้นว่า :-
4. อต ตา หเว ชิตํ เสยฺโย ยา จายํ อิตรา ปชา
อตฺตทนฺตสฺส โปสสฺส นิจฺจํ สญฺญตจาริโน