เมนู

หญิงผู้มีปัญญาก็เป็นบัณฑิตได้


เทวดาผู้สถิตอยู่บนยอดเขาที่ทิ้งโจร เห็นกิริยาแม้ของชนทั้งสองนั้น
จึงให้สาธุการแก่หญิงนั้น แล้วกล่าวคาถานี้ว่า :-
"บุรุษนั่น เป็นบัณฑิตในที่ทุกสถาน ก็หาไม่,
แม้สตรี ผู้มีปัญญาเห็นประจักษ์ ก็เป็นบัณฑิตได้
ในที่นั้น ๆ."

ธิดาเศรษฐีแม้นั้น ครั้นผลักโจรลงไปในเหวแล้ว (คิดว่า)
" หากว่า เราจักไปบ้าน. มารดาบิดาจักถามว่า 'สามีของเจ้าไปไหน ?
หากเราถูกถามอย่างนั้นจะตอบว่า 'ดิฉันฆ่าเสียแล้ว' ท่านจักทิ่มแทง
เราด้วยหอกคือปากว่า 'นางคนหัวดื้อ เจ้าให้ทรัพย์พันหนึ่งให้นำผัวมา
บัดนี้ ก็ฆ่าเขาเสียแล้ว;' แม้เมื่อเราบอกว่า ' เขาปรารถนาจะฆ่าดิฉัน
เพื่อต้องการเครื่องประดับ,' ท่านก็จักไม่เชื่อ; อย่าเลยด้วยบ้านของเรา"
ดังนี้แล้ว ทิ้งเครื่องประดับไว้ในที่นั้นนั่นเอง เข้าไปสู่ป่าเที่ยวไปโดย
ลำดับ ถึงอาศรมของพวกปริพาชกแห่งหนึ่ง ไหว้แล้ว กล่าวว่า "ท่าน
ผู้เจริญ ขอท่านทั้งหลายจงให้การบรรพชา ในสำนักของท่านแก่ดิฉัน
เถิด." ลำดับนั้น ปริพาชกทั้งหลายให้นางบรรพชาแล้ว.

ธิดาเศรษฐีบวชเป็นปริพาชิกา


ธิดาเศรษฐีนั้นพอบวชแล้ว ถามว่า " ท่านผู้เจริญ อะไรเป็น
สูงสุดแห่งบรรพชาของท่าน."
ปริพาชก. นางผู้เจริญ บุคคลกระทำบริกรรมในกสิณ 10 แล้ว

พึงยังฌานให้บังเกิดบ้าง, พึงเรียนวาทะพันหนึ่งบ้าง, นี้เป็นประโยชน์
สูงสุดแห่งบรรพชาของพวกเรา.
ธิดาเศรษฐี. ดิฉันไม่อาจจะยังฌานให้เกิดได้ก่อน, แต่จักเรียน
วาทะพันหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้า.
ลำดับนั้น ปริพาชกเหล่านั้น ยังนางให้เรียนวาทะพันหนึ่งแล้ว
กล่าวว่า "ศิลปะ ท่านก็เรียนแล้ว, บัดนี้ ท่านจงเที่ยวไปบนพื้นชมพู-
ทวีป ตรวจดูผู้สามารถจะกล่าวปัญหากับตน" แล้ว ให้กิ่งหว้าในมือ
แก่นาง ส่งไปด้วยสั่งว่า "ไปเถิด นางผู้เจริญ; หากใคร ๆ เป็นคฤหัสถ์
อาจกล่าวปัญหากับท่านได้, ท่านจงเป็นบาทปริจาริกา ของผู้นั้นเทียว;
หากเป็นบรรพชิต, ท่านจงบรรพชาในสำนักผู้นั้นเถิด." นางมีชื่อว่า
ชัมพุปริพาชิกา ตามนาม (ไม้) ออกจากที่นั้นเที่ยวถามปัญหากะผู้ที่ตน
เห็นแล้ว ๆ. คนชื่อว่าผู้สามารถจะกล่าวกับนางไม่ได้มีแล้ว. มนุษย์
ทั้งหลายพอฟังว่า "นางชัมพุปริพาชิกามาแต่ที่นี้' ย่อมหนีไป. นาง
เข้าไปสู่บ้านหรือตำบลเพื่อภิกษา ก่อกองทรายไว้ใกล้ประตูบ้าน ปักกิ่งหว้า
บทกองทรายนั้น กล่าวว่า "ผู้สามารถจะกล่าวกับเรา จงเหยียบกิ่งหว้า"
แล้วก็เข้าไปสู่บ้าน. ใคร ๆ ชื่อว่าสามารถจะเข้าไปยังที่นั้น มิได้มิ. แม้
นางย่อมถือกิ่งอื่น ในเมื่อกิ่งหว้า ( เก่า) เหี่ยวแห้ง. เที่ยวไปโดย
ทำนองนี้ ถึงกรุงสาวัตถี ปักกิ่ง (หว้า) ใกล้ประตูบ้าน พูดโดยนัย
ที่กล่าวมาแล้วนั่นแล เข้าไปเพื่อภิกษา. เด็กเป็นอันมากได้ยืนล้อมกิ่งไม้
ไว้แล้ว.

ธิดาเศรษฐีมีชื่อว่ากุณฑลเกสีเถรี


ในกาลนั้น พระสารีบุตรเถระเที่ยวไปเพื่อบิณฑบาต กระทำภัตกิจ
แล้วออกไปจากเมือง เห็นเด็กเหล่านั้นยืนล้อมกิ่งไม้ จึงถามว่า "นี้
อะไร ?" เด็กทั้งหลายบอกเรื่องนั้นแก่พระเถระแล้ว. พระเถระกล่าวว่า
"เด็กทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าจงเหยียบกิ่งไม้นี้."
พวกเด็ก. พวกกระผมกลัว ขอรับ.
พระเถระ. เราจักกล่าวปัญหา, พวกเจ้าเหยียบเถิด.
เด็กเหล่านั้น เกิดความอุตสาหะด้วยคำของพระเถระ กระทำอย่างนั้น
โห่ร้องอยู่ โปรยธุลีขึ้นแล้ว.
นางปริพาชิกามาแล้วดุเด็กเหล่านั้น กล่าวว่า "กิจด้วยปัญหาของ
เรากับพวกเจ้าไม่มี; เหตุไร พวกเจ้าจึงพากันเหยียบกิ่งไม้ของเรา ?"
พวกเด็กกล่าวว่า "พวกเรา อันพระผู้เป็นเจ้าใช้ให้เหยียบ."
นางปริพาชิกา. ท่านผู้เจริญ ท่านใช้พวกเด็กเหยียบกิ่งไม้ของ
ดิฉันหรือ ?
พระเถระ. เออ น้องหญิง.
นางปริพาชิกา. ถ้าอย่างนั้น ท่านจงกล่าวปัญหากับดิฉัน.
พระเถระ. ดีละ, เราจักกล่าว.
นางปริพาชิกานั้น ได้ไปสู่สำนักของพระเถระเพื่อถามปัญหาใน
เวลาเงาไม้เจริญ (คือเวลาบ่าย). ทั่วทั้งเมือง ลือกระฉ่อนกันว่า "พวก
เราจักฟังถ้อยคำของ 2 บัณฑิต." พวกชาวเมืองไปกับนางปริพาชิกานั้น
เหมือนกัน ไหว้พระเถระแล้วนั่ง ณ ที่สุดข้างหนึ่ง.