เมนู

ขณะนั้นนั่นเองเขาทูลขอบรรพชากะพระผู้มีพระภาคเจ้า, ถูกตรัสถามว่า
" บาตรจีวรของเธอครบแล้วหรือ ?" ทูลตอบว่า "ยังไม่ครบ." ทีนั้น
พระศาสดาตรัสกะเขาว่า "ถ้าอย่างนั้น เธอจงแสวงหาบาตรจีวร" แล้ว
ก็เสด็จหลีกไป.
ได้ยินว่า พาหิยะนั้นกระทำสมณธรรมสิ้น 2 หมื่นปี คิดว่า
"ธรรมดาภิกษุได้ปัจจัยด้วยตนแล้ว ไม่เหลียวแลผู้อื่น บริโภคเองเท่านั้น
จึงควร" ดังนี้แล้ว ไม่ได้กระทำการสงเคราะห์ด้วยบาตรหรือจีวร แม้
แก่ภิกษุรูปหนึ่ง. เพราะฉะนั้น พระศาสดาทรงทราบว่า "บาตรจีวรอัน
สำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์ จักไม่เกิดขึ้น" จึงไม่ได้ประทานบรรพชา ด้วยความ
เป็นเอหิภิกษุแก่เขา. แม้พาหิยะนั้นแสวงหาบาตรจีวรอยู่นั่นแล ยักษิณี
คนหนึ่งมาด้วยรูปแม่โคนม ขวิดถูกตรงขาอ่อนข้างซ้าย ให้ถึงความสิ้น
ชีวิต.
พระศาสดาเสด็จเที่ยวบิณฑบาต ทรงกระทำภัตกิจเสร็จแล้วเสด็จ
ออกไปพร้อมกับภิกษุเป็นอันมาก ทรงเห็นสรีระของพาหิยะถูกทิ้งในที่
กองขยะ จึงทรงบัญชาภิกษุทั้งหลายว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
จงยืนใกล้ประตูเรือนแห่งหนึ่ง ให้นำเตียงมาแล้ว นำสรีระนี้ออกจากเมือง
เผาแล้วกระทำสถูปไว้." ภิกษุทั้งหลายกระทำดังนั้นแล้ว; ก็แลครั้นกระทำ
แล้วไปยังวิหารเข้าเฝ้าพระศาสดา ทูลบอกกิจที่ตนกระทำแล้ว ทูลถาม
อภิสัมปรายภพของพาหิยะนั้น.

ทารุจีระเลิศในทางขิปปาภิญญา


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสบอกความที่พาหิยะนั้นปรินิพพาน

แล้วแก่ภิกษุเหล่านั้น, ทรงตั้งไว้ในเอคทัคคะ1ว่า "ภิกษุทั้งหลาย พาหิยะ
ทารุจีริยะ (ผู้นุ่งผ้าเปลือกไม้) เป็นเลิศกว่าภิกษุผู้สาวกของเรา ผู้ตรัสรู้
เร็ว." ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายทูลถามพระศาสดาว่า "พระเจ้าข้า
พระองค์ตรัสว่า 'พาหิยะ ทารุจีริยะ บรรลุพระอรหัต, เขาบรรลุ
พระอรหัตเมื่อไร ?"
พระศาสดา. ในกาลที่เขาฟังธรรมของเรา ภิกษุทั้งหลาย.
ภิกษุ. ก็พระองค์ตรัสธรรมแก่เขาเมื่อไรเล่า ?
พระศาสดา. เรากำลังเที่ยวบิณฑบาต ยืนในระหว่างถนนกล่าว
ธรรมแก่เขา.
ภิกษุ. พระเจ้าข้า ก็ธรรมที่พระองค์ประทับยืนในระหว่างถนน
ตรัสแล้ว มีประมาณเล็กน้อย เขายังคุณวิเศษให้บังเกิดด้วยธรรมมีประมาณ
เพียงนั้นอย่างไร ?
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะภิกษุเหล่านั้นว่า "ภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายอย่านับธรรมของเราว่า 'น้อยหรือมาก,' ด้วยคาถาว่า
พันหนึ่งแม้เป็นอเนกที่ไม่อาศัยประโยชน์ ไม่ประเสริฐ, ส่วนบทแห่ง
คาถาแม้บทเดียวอาศัยประโยชน์ ประเสริฐกว่า" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรง
สืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
2. สหสฺสมี เจ คาถา อนตฺถปทสญฺหิตา
เอกํ คาถาปทํ เสยฺโย ยํ สุตฺวา อุปสมฺมติ.
"หากว่า คาถาแม้พันหนึ่ง ไม่ประกอบด้วย
บทเป็นประโยชน์ [ไม่ประเสริฐ]: บทแห่งคาถา

1. อัง. เอก. 20/23.

บทเดียว ซึ่งบุคคลฟังแล้ว สงบระงับได้ประเสริฐ
กว่า."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า เอกํ คาถาปทํ ความว่า แม้
คาถา ๆ เดียวเห็นปานนี้ว่า " ความไม่ประมาท เป็นทางอมตะ ฯลฯ
เหมือนคนตายแล้ว" ประเสริฐกว่า. บทที่เหลือพึงทราบตามนัยก่อน
นั่นแล.
ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องพระทารุจีริยเถระ จบ.