เมนู

เป็นอย่างไรหนอแล ?" ทรงเห็นหญิงนั้นแล้ว ทรงทราบกิริยาอนาจาร
ของหญิงนั้น และความเกิดขึ้นแห่งอวามสังเวชของพระเถระ ประทับนั่ง
ในพระคันธกุฎนั่นแหละ ตรัสกับพระเถระนั้นว่า "ภิกษุ ที่ ๆ ไม่
รื่นรมย์ของพวกคนผู้แสวงหากามนั่นแหละ เป็นที่รื่นรมย์ของผู้มีราคะ
ปราศจากแล้วทั้งหลาย." ก็แลครั้นตรัสอย่างนั้นแล้ว ทรงแผ่พระโอภาส
ไป เมื่อจะทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุนั้น ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
10. รมณียานี อรญฺญนิ ยตฺถ น รมตี ชโน
วีตราคา รเมสฺสนฺติ น เต กามคเวสิโน.
"ป่าทั้งหลาย เป็นที่น่ารื่นรมย์, ท่านผู้มีราคะ
ไปปราศแล้วทั้งหลาย จักยินดีในป่าอันไม่เป็นที่
ยินดีของชน, ( เพราะ ) ท่านผู้มีราคะไปปราศแล้ว
นั้น เป็นผู้มีปกติไม่แสวงหากาม."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อรญฺญานิ ความว่า ธรรมดาป่าทั้งหลาย
อันประดับด้วยไพรสณฑ์มีต้นไม้รุ่น ๆ มีดอกบานแล้ว สมบูรณ์ด้วย
น้ำใสสะอาด เป็นที่น่ารื่นรมย์. บทว่า ยตฺถ เป็นต้น ความว่า ชน
ผู้แสวงหากาม ย่อมไม่ยินดีในป่าทั้งหลายใด เหมือนแมลงวันบ้าน
ไม่ยินดีในป่าบัวหลวง ซึ่งมีดอกอันแย้มแล้วฉะนั้น.
บทว่า วีตราคา เป็นต้น ความว่า ก็ท่านผู้มีราคะไปปราศแล้ว
ทั้งหลาย คือพระขีณาสพ จักยินดีในป่าทั้งหลายเห็นปานนั้น เหมือน
แมลงภู่และแมลงผึ้ง ยินดีในป่าบัวหลวงฉะนั้น.