เมนู

นั้นอีก. พระศาสดาตรัสว่า "สารีบุตร แม้เราก็จักไป" เสด็จออกไป
พร้อมด้วยภิกษุ 500 รูป. ในเวลาเสด็จไปได้หน่อยหนึ่ง พระอานนท-
เถระยืนอยู่ที่ทาง 2 แพร่ง กราบทูลพระศาสดาว่า "พระเจ้าข้า บรรดา
ทางที่ไปสู่สำนักของเรวตะ ทางนี้เป็นทางอ้อม ประมาณ 60 โยชน์
เป็นที่อยู่ของมนุษย์ ทางนี้เป็นทางตรง ประมาณ 30 โยชน์ อันอมนุษย์
คุ้มครอง พวกเราจะไปโดยทางไหน ?"
พระศาสดา. อานนท์ ก็สีวลี มากับพวกเรา ( มิใช่หรือ ?)
อานนท์. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. ถ้าสีวลีมา, เธอจงถือเอาทางตรงนั่นแหละ.

พวกภิกษุอาศัยบุญของพระสีวลีเถระ


ได้ยินว่า พระศาสดามิได้ตรัสว่า "เราจักยังข้าวต้มและข้าวสวยให้
เกิดขึ้นแก่พวกเธอ พวกเธอจงถือเอาทางตรง" ทรงทราบว่า "ที่นั่นเป็น
ที่ให้ผลแห่งบุญแก่ชนเหล่านั้น ๆ" จึงตรัสว่า "ถ้าสีวลีมา เธอจงถือเอา
ทางตรง." ก็เมื่อพระศาสดาทรงดำเนินไปทางนั้น พวกเทวดาคิดว่า
" พวกเราจักทำสักการะแก่พระสีวลีเถระ พระผู้เป็นเจ้าของเรา" ให้สร้าง
วิหารในที่โยชน์หนึ่ง ๆ ไม่ให้เกินไปกว่าโยชน์หนึ่ง ลุกขึ้นแต่เช้าเทียว
ถือเอาวัตถุมีข้าวต้มเป็นต้นอันเป็นทิพย์แล้วเที่ยวไปด้วยตั้งใจว่า "พระสีวลี
เถระผู้เป็นเจ้าของเรา นั่งอยู่ที่ไหน ?"
พระเถระให้เทวดาถวายภัตที่นำมาเพื่อตน แก่ภิกษุสงฆ์ มีพระ-
พุทธเจ้าเป็นประมุข. พระศาสดาพร้อมทั้งบริวารเสวยบุญของพระสีวลี-
เถระผู้เดียว ได้เสด็จไปตลอดทางกันดารประมาณ 30 โยชน์.

ฝ่ายพระเรวตเถระ1 ทราบการเสด็จมาของพระศาสดา จึงนิรมิต
พระคันธกุฎีเพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า นิรมิตเรือนยอด 500 ที่จงกรม 500
และที่พักกลางคืนและที่พักกลางวัน 500. พระศาสดาประทับอยู่ใน
สำนักของพระเรวตเถระนั้นสิ้นกาลประมาณเดือนหนึ่งแล. แม้ประทับอยู่
ในที่นั้น ก็เสวยบุญของพระสีวลีเถระนั่นเอง.
ก็บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุแก่ 2 รูป ในเวลาพระศาสดาเสด็จ
เข้าไปสู่ป่าไม้สะแก คิดแล้วอย่างนี้ว่า " ภิกษุนี้ทำนวกรรม (การก่อสร้าง)
ประมาณเท่านี้อยู่ จักอาจทำสมณธรรมได้อย่างไร ? พระศาสดาทรง
ทำกิจคือการเห็นแก่หน้า ด้วยทรงดำริว่า 'เป็นน้องชายของพระสารีบุตร'
จึงเสด็จมาสู่สำนักของเธอผู้ประกอบนวกรรมเห็นปานนี้."

พระศาสดาทรงอธิฐานให้ภิกษุลืมบริขาร


ในวันนั้น แม้พระศาสดาทรงตรวจดูสัตวโลกในเวลาใกล้รุ่ง ทรง
เห็นภิกษุเหล่านั้นแล้ว ได้ทรงทราบวาระจิตของภิกษุเหล่านั้นแล้ว เพราะ
เหตุนั้น ประทับอยู่ในที่นั้นสิ้นกาลประมาณเดือนหนึ่งแล้ว ในวันเสด็จ
ออกไป ทรงอธิษฐานโดยประการที่ภิกษุเหล่านั้นลืมหลอดน้ำมัน ลักจั่น-
น้ำ และรองเท้าของตนไว้ เสด็จออกไปอยู่ ในเวลาเสด็จออกไปภายนอก
แต่อุปจารวิหารจึงทรงคลายพระฤทธิ์.
ครั้งนั้น ภิกษุเหล่านั้นกล่าวกันว่า "ผมลืมสิ่งนี้และสิ่งนี้ แม้ผมก็
ลืม" ดังนี้แล้ว ทั้งสองรูปจึงกลับไป ไม่กำหนดถึงที่นั้น ถูกหนาม
1. เรวตะ เป็นสามเณร แต่เรียกว่าพระเถระ เป็นเพราะท่านบรรลุพระอรหัตผลแล้ว.