เมนู

มาเพื่อทรงประสงค์รักษาหมู่พระญาติ" จึงถวายบังคมพระศาสดา เสด็จ
กลับไปสู่เมืองสาวัตถีนั่นแล. แม้พระศาสดาก็ทรงเหาะไปสู่เชตวันเหมือน
กัน. พระราชาทรงระลึกถึงโทษแห่งพวกเจ้าศากยะ เสด็จออกไปแม้ครั้ง
ที่ 2 ทอดพระเนตรเห็นพระศาสดาในที่นั้นนั่นแล ก็เสด็จกลับอีก. เสด็จ
ออกไปแม้ครั้งที่ 3 ทอดพระเนตรเห็นพระศาสดาในที่นั้นนั่นแล ก็เสด็จ
กลับ. แต่เมื่อพระเจ้าวิฑูฑภะนั้นเสด็จออกไปในครั้งที่ 4, พระศาสดา
ทรงพิจารณาเห็นบุรพกรรมของเจ้าศากยะทั้งหลาย ทรงทราบความที่กรรม
อันลามกคือการโปรยยาพิษ ในแม่น้ำของเจ้าศากยะเหล่านั้น เป็นกรรม
อันใคร ๆ ห้ามไม่ได้ จึงมิได้เสด็จไปในครั้งที่ 4. พระเจ้าวิฑูฑภะเสด็จ
ออกไปแล้วด้วยพลใหญ่ ด้วยทรงดำริว่า "เราจักฆ่าพวกเจ้าศากยะ."

พระเจ้าวิฑูฑภะฆ่าพวกศากยะ


ก็พระญาติทั้งหลายของพระสัมมาสัมพุทธะชื่อว่าไม่ฆ่าสัตว์ แม้จะ
ตายอยู่ก็ไม่ปลงชีวิตของเหล่าสัตว์อื่น.
เจ้าศากยะเหส่านั้นคิดว่า " พวกเราฝึกหัดมือแล้ว มีเครื่องผูกสอด
อันทำแล้ว หัดปรือมาก, แต่พวกเราไม่อาจปลงสัตว์อื่นจากชีวิตได้เลย,
พวกเราจักแสดงกรรมของตนแล้วให้หนีไป." เจ้าศากยะเหล่านั้น ทรงมี
เครื่องผูกสอดอันทำแล้ว จึงเสด็จออกเริ่มการยุทธ. ถูกศรที่เจ้าศากยะ
เหล่านั้นยิงไปไปตามระหว่าง ๆ พวกบุรุษของพระเจ้าวิฑูฑภะ, ออกไป
โดยช่องโล่และช่องหูเป็นต้น. พระเจ้าวิฑูฑภะทอดพระเนตรเห็น, จึง
ตรัสว่า "พนาย พวกเจ้าศากยะย่อมตรัสว่า 'พวกเราเป็นผู้ไม่ฆ่าสัตว์'
มิใช่หรือ ? เมื่อเช่นนี้ ไฉนพวกเจ้าศากยะจึงยิงบุรุษของเราให้ฉิบหาย

เล่า." ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งกราบทูลพระเจ้าวิฑูฑภะนั้นว่า "ข้าแต่
เจ้า พระองค์ตรวจสอบดูแล้วหรือ ?"
พระเจ้าวิฑูฑภะ. พวกเจ้าศากยะ ยังบุรุษของเราให้ฉิบหาย.
บุรุษ. บุรุษไร ๆ ของพระองค์ ชื่อว่าตายแล้ว ย่อมไม่มี, ขอเชิญ
พระองค์จงรับสั่งให้นับบุรุษเหล่านั้นเถิด.
พระเจ้าวิฑูฑภะเมื่อรับสั่งให้นับดู ไม่ทรงเห็นหมดไปแม้คนหนึ่ง.
ท้าวเธอเสด็จกลับจากที่นั้นแล้ว ตรัสว่า " พนาย คนเหล่าใด ๆ บอกว่า
'พวกเราเป็นเจ้าศากยะ' ท่านทั้งหลาย จงฆ่าคนเหล่านั้นทั้งหมด; แต่
จงให้ชีวิต แก่คนที่ยืนอยู่ในสำนักของเจ้าศากยะมหานาม ผู้เป็นพระเจ้าตา
ของเรา.
เจ้าศากยะทั้งหลายไม่เห็นเครื่องถือที่คนพึงถือเอา บางพวกคาบหญ้า
บางพวกถือไม้อ้อ ยืนอยู่, ถูกเขาถามว่า "ท่านเป็นเจ้าศากยะหรือไม่
ใช่ ? เพราะเหตุที่เจ้าศากยะเหล่านั้น แม้จะตายก็ไม่พูดคำเท็จ; พวกที่
ยืนคาบหญ้าอยู่แล้ว จึงกล่าวว่า "ไม่ใช่เจ้าศากยะ, หญ้า." พวกที่ยืน
ถือไม้อ้อก็กล่าวว่า " ไม่ใช่เจ้าศากยะ, ไม้อ้อ." เจ้าศากยะเหล่านั้นและ
เจ้าศากยะที่ยืนอยู่ในสำนักของท้าวมหานาม ได้ชีวิตแล้ว
บรรดาเจ้าศากยะเหล่านั้น เจ้าศากยะที่ยืนคาบหญ้า ชื่อว่าเจ้าศากยะ
หญ้า, พวกที่ยืนถือไม้อ้อ ชื่อว่าเจ้าศากยะไม้อ้อ.
พระเจ้าวิฑูฑภะรับสั่งให้ฆ่าเจ้าศากยะอันเหลือทั้งหลาย ไม่เว้นทารก
แม้ยังดื่มนม ยังแม่น้ำคือโลหิต ให้ไหลไปแล้ว รับสั่งให้ล้างแผ่นกระดาน
ด้วยโลหิตในลำคอของเจ้าศากยะเหล่านั้น.
ศากยวงศ์ อันพระเจ้าวิฑูฑภะเข้าไปตัดแล้ว ด้วยอาการอย่างนี้.

พระเจ้าวิฑูฑภะนั้น รับสั่งให้จับเจ้าศากยมหานาม เสด็จกลับแล้ว ใน
เวลาเสวยกระยาหารเช้า ทรงดำริว่า " เราจักเสวยอาหารเช้า" ดังนี้แล้ว
ทรงแวะในที่แห่งหนึ่ง, เมื่อโภชนะอันบุคคลนำเข้าไปแล้ว, รับสั่งให้
เรียกพระเจ้าตามา ด้วยพระดำรัสว่า " เราจักเสวยร่วมกัน."

มานะกษัตริย์


แต่กษัตริย์ทั้งหลาย ถึงจะสละชีวิต ก็ไม่ยอมเสวยร่วมกับบุตรนาง
ทาสี; เพราะฉะนั้น ท้าวมหานามทอดพระเนตรเห็นสระ ๆ หนึ่งจึงตรัสว่า
เรามีร่างกายอันสกปรก, พ่อ เราจักอาบน้ำ."
พระเจ้าวิฑูฑภะตรัสว่า " ดีละ พระเจ้าตา เชิญพระเจ้าตาอาบเถิด."
ท้าวมหานามทรงดำริว่า "พระเจ้าวิฑูฑภะนี้ จักฆ่าเราผู้ไม่บริโภคร่วม,
การตายเองของเราเท่านั้น ประเสริฐกว่า" ดังนี้แล้ว จึงทรงสยายผม
สอดหัวแม่เท้าเข้าไปในผม ขอดให้เป็นปมที่ปลาย ดำลงไปในน้ำ.
ด้วยเดชแห่งคุณของท้าวมหานามนั้น นาคภพก็แสดงอาการร้อน.
พระยานาคใคร่ครวญว่า " เรื่องอะไรกันหนอ ?" เห็นแล้วจึงมาสู่สำนัก
ของท้าวมหานามนั้น ให้ท้าวมหานามประทับบนพังพาน แล้วเชิญเสด็จ
เข้าไปสู่นาคภพ. ท้าวมหานามนั้นอยู่ในนาคภพนั้นนั่นแล สิ้น 12 ปี.
ฝ่ายพระเจ้าวิฑูฑภะประทับนั่งคอยอยู่ ด้วยทรงดำริว่า "พระเจ้า
ตาของเราจักมาในบัดนี้ ; เมื่อท้าวมหานามนั้นชักช้าอยู่, จึงรับสั่งให้ค้น
ในสระ. ตรวจดูแม้ระหว่างบุรุษด้วยแสงประทีป ไม่เห็นแล้วก็เสด็จหลีก
ไป ด้วยทรงดำริว่า " พระเจ้าตาจักเสด็จไปแล้ว."