เมนู

มหาทุคตะได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้า


ก็วันนั้น พระศาสดาทรงตรวจดูสัตวโลก ในเวลาใกล้รุ่ง ทรง
เห็นมหาทุคตะ เข้าไปในภายในข่ายคือพระญาณของพระองค์ ทรงรำพึง
ว่า " จักมีเหตุอะไรหนอ ?" ทรงดำริว่า " มหาทุคตะ " คิดว่า จักเลี้ยง
ภิกษุรูปหนึ่ง, จึงได้ทำงานจ้างกับภรรยาแล้วในวันวาน, เขาจักได้ภิกษุ
รูปไหนหนอ ?" จึงทรงใคร่ครวญว่า " คนทั้งหลาย จักพาภิกษุไปคาม
ชื่อที่จดไว้ในบัญชีแล้ว ให้นั่งในเรือนของตน ๆ. มหาทุคตะเว้น เรา
เสียแล้ว จักไม่ได้ภิกษุอื่น."
ได้ยินว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมทรงทำความอนุเคราะห์ใน
พวกคนเข็ญใจ. เพราะฉะนั้น พระศาสดาทรงทำสรีรกิจแต่เช้าตรู่แล้ว
เสด็จเข้าสู่พระคันธกุฎี ประทับนั่ง ด้วยทรงดำริว่า "จักสงเคราะห์มหา-
ทุคตะ." แม้เมื่อมหาทุคตะ กำลังถือปลาเข้าไปสู่เรือน, บัณฑุกัมพล-
ศิลาอาสน์ของท้าวสักกะ แสดงอาการร้อน. ท้าวเธอทรงพิจารณาว่า
" เหตุอะไรกันหนอ ?" ทรงดำริว่า "วานนี้ มหาทุคตะได้ทำงานจ้าง
กับภรรยาของตน ด้วยจงใจว่า 'จักถวายภิกษาแก่ภิกษุสัก 1 รูป' เขา
จักได้ภิกษุรูปไหนหนอ ?" ทรงทราบว่า "ภิกษุอื่นไม่มีสำหรับเขา, แต่
พระศาสดา ประทับนั่งในพระคันกุฎีนั่นเอง ด้วยตั้งพระทัยว่า 'จัก
สงเคราะห์มหาทุคตะ,' มหาทุคตะ พึงถวายข้าวต้มข้าวสวย และมีผัก
เป็นกับ อย่างที่ตัวบริโภคเองแด่พระตถาคต. ถ้ากระไร เราควรไปยัง
เรือนของมหาทุคตะ ทำหน้าที่เป็นพ่อครัว" ดังนี้แล้ว จึงทรงจำแลง
เพศมิให้ใครรู้จัก เสด็จไปที่ใกล้เรือนของมหาทุคตะนั้นแล้ว ตรัสถาม
ว่า "ใคร ๆ มีงานจ้างอะไรบ้างหรือ ?" มหาทุคตะเห็นท้าวสักกะแล้ว

จึงกล่าวว่า "จักทำงานอะไร ? เพื่อน."
ชายแปลง. ข้าพเจ้ารู้วิชาการทุกอย่าง นาย, ชื่อว่าวิชาการสิ่งไร
ที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ไม่มีเลย, รู้จนการปรุงข้าวต้ม ข้าวสวยเป็นต้น.
มหาทุคตะ. เพื่อน พวกข้าพเจ้ามีความต้องการด้วยการงานของ
ท่าน, แต่ยังไม่เห็นค่าจ้างที่ควรจะให้แก่ท่าน.
ชายแปลง. ก็ท่านต้องการทำอะไร ?
มหาทุคตะ. ข้าพเจ้าประสงค์จะถวายภิกษาแก่ภิกษุรูปหนึ่ง,
ประสงค์จัดแจงข้าวต้มข้าวสวยถวายภิกษุนั้น.
ชายแปลง. ถ้าท่านจะถวายภิกษาแก่ภิกษุ. ข้าพเจ้าไม่ต้องการ
ค่าจ้าง, ท่านให้บุญแก่ข้าพเจ้า ไม่ควรหรือ ?
มหาทุคตะ. เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เป็นการดีละ เพื่อน, เชิญเข้า
ไปเถิด.
ท้าวสักกะนั้น เสด็จเข้าไปในเรือนของมหาทุคตะนั้นแล้ว ให้นำ
ข้าวสารเป็นต้นมาแล้ว ทรงส่งมหาทุคตะนั้นไปด้วยคำว่า "ไปเถิดท่าน,
จงนำภิกษุที่ถึงแก่ตนมา."
ฝ่ายผู้จัดการทาน ได้จ่ายภิกษุไปสู่เรือนของพวกชนเหล่านั้น ๆ
ตามรายการที่จดไว้ในบัญชีนั่นแล. มหาทุคตะไปยังสำนักของเขาแล้ว
พูดว่า "จงให้ภิกษุที่ถึงแก่ผมเถิด" เขาได้สติขึ้นในขณะนั้น จึงพูดว่า
"ฉันลืมภิกษุสำหรับแกเสียแล้ว" มหาทุคตะเป็นเหมือนถูกประหารที่
ท้องด้วยหอกอันคม ประคองแขนร่ำไรว่า " เหตุไรจึงให้ผมฉิบหาย
เสียเล่า ? คุณ, แม้ผมอันท่านชวนแล้วเมื่อวาน ก็พร้อมด้วยภรรยาทำงาน

จ้างตลอดวัน วันนี้ แต่เช้าตรู่ เที่ยวไปที่ฝั่งแม่น้ำ เพื่อต้องการผัก
แล้วจึงมา ขอท่านจงให้ภิกษุแก่ผมสักรูปหนึ่งเถิด."

มหาทุคตะไปนิมนต์พระศาสดา


คนทั้งหลายประชุมกันแล้ว ถามว่า "มหาทุคตะ นั่นอะไรกัน ?"
เขาบอกเนื้อความนั้น. คนเหล่านั้น ถามผู้จัดการว่า "จริงไหม ? เพื่อน,
ได้ยินว่า มหาทุคตะนี้ ท่านชักชวนว่า 'จงทำงานจ้างแล้วถวายภิกษา
แก่ภิกษุรูปหนึ่ง.
ผู้จัดการ. ขอรับ นาย.
คนเหล่านั้น. ท่านจัดการภิกษุมีประมาณถึงเท่านี้ ไม่ได้ให้ภิกษุ
แก่มหาทุคตะนี้สักรูปหนึ่ง ทำกรรมหนักเสียแล้ว.
เขาละอายใจ ด้วยคำพูดของคนเหล่านั้น จึงพูดกะมหาทุคตะ
นั้นว่า "เพื่อนมหาทุคตะ อย่าให้ฉันฉิบหายเลย, ฉันถึงความลำบาก
ใหญ่ เพราะเหตุแห่งท่าน. คนทั้งหลาย นำภิกษุที่ถึงแก่ตน ๆ ไปตาม
รายการที่จดไว้ในบัญชี, ชื่อว่าคนผู้ซึ่งจะถอนภิกษุผู้ซึ่งนั่งในเรือนของตน
ให้ ไม่มี, ส่วนพระศาสดา สรงพระพักตร์แล้วประทับนั่งอยู่ในพระ-
คันธกุฎีนั่นเอง, พระเจ้าแผ่นดิน ยุพราช และคนโต ๆ มีเสนาบดี
เป็นต้น นั่งแลดูการเสด็จออกจากพระคันธกุฎีแห่งพระศาสดา คิดว่า
'จักรับบาตรของพระศาสดาไป,' ธรรมดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อม
ทรงทำอนุเคราะห์ในคนยากจน, ท่านจงไปวิหาร กราบทูลพระศาสดา
ว่า 'ข้าพระองค์เป็นคนยากจน พระเจ้าข้า, ขอพระองค์ จงทรงทำ