เมนู

ลานหลวงเต็มไปด้วยบุตรเหล่านั้นแล ซึ่งไปราชนิเวศน์กับบิดา.

พันธุละเสนาบดีถูกฆ่าพร้อมทั้งบุตร


อยู่มาวันหนึ่ง พวกมนุษย์แพ้ความด้วยคดีโกงในการวินิจฉัย เห็น
พันธุละกำลังเดินมา ร่ำร้องกันใหญ่ แจ้งการกระทำคดีโกงของพวก
อำมาตย์ผู้วินิจฉัย แก่พันธุละนั้น.
พันธุละไปสู่โรงวินิจฉัย พิจารณาคดีนั้นแล้ว ได้ทำผู้เป็นเจ้าของ
นั่นแล ให้เป็นเจ้าของ. มหาชนให้สาธุการเป็นไปด้วยเสียงอันดัง.
พระราชาทรงสดับเสียงนั้น ตรัสถามว่า " นี่อะไรกัน?" เมื่อทรง
สดับเรื่องนั้นแล้ว ทรงโสมนัส ให้ถอดพวกอำมาตย์เหล่านั้นแม้ทั้งหมด
ทรงมอบการวินิจฉัยแก่พันธุละเท่านั้น. ตั้งแต่นั้นมา พันธุละก็วินิจฉัย
โดยถูกต้อง. จำเติมตั้งแต่วันนั้นมา พวกอำมาตย์ผู้วินิจฉัยรุ่นเก่า ไม่
ได้ค่าจ้าง มีรายได้น้อย ยุยงในราชตระกูลว่า " พันธุละปรารถนาเป็น
พระราชา."
พระราชาทรงเชื่อคำของอำมาตย์เหล่านั้น มิได้อาจจะทรงข่มพระ-
หฤทัยได้, ทรงดำริอีกว่า " เมื่อพันธุละถูกฆ่าตายในที่นี้นั้นแล. ความ
ครหาก็จักเกิดแก่เรา" ทรงมีรับสั่งให้บุรุษที่แต่งไว้ โจมตีปัจจันตนคร
แล้วรับสั่งให้หาพันธุละมา ทรงส่งไปด้วยพระดำรัสว่า "ทราบว่า จังหวัด
ปลายแดน โจรกำเริบขึ้น. ท่านพร้อมทั้งบุตรของท่านจงไปจับโจรมา ,"
แล้วทรงส่งนายทหารผู้ใหญ่ซึ่งสามารถเหล่าอื่น ไปกับพันธุละเสนาบดีนั้น
ด้วยพระดำรัสว่า "พวกท่านจงตัดศีรษะพันธุลเสนาบดีพร้อมทั้งบุตร
32 คน ในที่นั้นแล้วนำมา."

เมื่อพันธุละนั้นพอถึงจังหวัดปลายแดน, พวกโจรที่พระราชาทรง
แต่งไว้ กล่าวกันว่า " ทราบว่า ท่านเสนาบดีมา" แล้วพากันหลบหนี
ไป.
พันธุลเสนาบดีนั้น ยังประเทศนั้นให้สงบราบคาบแล้ว ก็กลับมา.
ลำดับนั้น ทหารเหล่านั้นก็ตัดศีรษะพันธุลเสนาบดีพร้อมกับบุตรทั้งหมด
ในที่ใกล้พระนคร.

นางมัลลิกาเทวีไม่มีความเสียใจ


วันนั้น นางมัลลิกาเทวี นิมนต์พระอัครสาวกทั้งสองพร้อมทั้ง
ภิกษุ 500 รูป.
ครั้นในเวลาเช้า พวกคนได้นำหนังสือมาให้นาง เนื้อความว่า
"โจรตัดศีรษะสามีพร้อมทั้งบุตรของท่าน." นางรู้เรื่องนั้นแล้ว ไม่บอก
ใคร ๆ พับหนังสือใส่ไว้ในพกผ้า อังคาสภิกษุสงฆ์เรื่อยไป.
ขณะนั้น สาวใช้ของนางถวายภัตแก่ภิกษุแล้ว นำถาดเนยใสมา
ทำถาดแตกตรงหน้าพระเถระ. พระธรรมเสนาบดีกล่าวว่า " สิ่งของมี
อันแตกเป็นธรรมดา ก็แตกไปแล้ว, ใคร ๆ ไม่ควรคิด."
นางมัลลิกานั้น นำเอาหนังสือออกจากพกผ้า เรียนท่านว่า "เขา
นำหนังสือนี้มาให้แก่ดิฉัน เนื้อความว่า 'พวกโจรตัดศีรษะบิดาพร้อม
ด้วยบุตร 32 คน,' ดิฉันแม้สดับเรื่องนี้แล้ว ก็ยังไม่คิด; เมื่อ (เพียง)
ถาดเนยใสแตก ดิฉันจักคิดอย่างไรเล่า ? เจ้าข้า."
พระธรรมเสนาบดีกล่าวคำเป็นต้นว่า :-