เมนู

นามว่ากัสสปะ (มา) เกิดในเรือนของกุฎุมพี ในกรุงพาราณสี. หัวหน้า
ช่างหูกได้เป็นบุตรของกุฎุมพีผู้ใหญ่. ฝ่ายภรรยาของเขา ก็ได้เป็นธิดา
ของกุฎุมพีผู้ใหญ่เหมือนกัน. หญิงเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ถึงควานเจริญวัย
แล้ว เมื่อจะไปสู่ตระกูลสามี ก็ได้ไปสู่เรือนของบุรุษเหล่านั้นนั่นแล.

กุฎุมพีถวายมหาทาน


ต่อมาวันหนึ่ง เขาป่าวร้องการฟังธรรมในวิหาร กุฎุมพีเหล่านั้น
แม้ทั้งหมด ได้ยินว่า "พระศาสดาจะทรงแสดงธรรม ปรึกษากันว่า
" เราทั้งหลายจักฟังธรรม" แล้วได้ไปสู่วิหารกับภรรยา. ในขณะที่ชน
เหล่านั้น เข้าไปสู่ท่ามกลางวิหาร ฝนได้ตั้งเค้าแล้ว. บรรพชิตทั้งหลาย
มีสามเณรเป็นต้น ผู้เป็นกุลุปกะหรือเป็นญาติของชนเหล่าใดมีอยู่; ชน
เหล่านั้นก็เข้าไปสู่บริเวณของบรรพชิตเหล่านั้น. แต่กุฎุมพีเหล่านั้นไม่
อาจจะเข้าไปในที่ไหน ๆ ได้ เพราะความที่กุลุปกะหรือญาติเห็นปานนั้น
ไม่มี ได้ยืนอยู่ท่ามกลางวิหารนั่นเอง.
ลำดับนั้น กุฎุมพีผู้เป็นหัวหน้า จึงกล่าวกะกุฎุมพีผู้บริวารเหล่า
นั้นว่า "ท่านทั้งหลาย จงดูอาการอันน่าเกลียดของพวกเรา, ธรรมดา
กุลบุตรทั้งหลาย ละอายด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ สมควรแล้ว."
บริวาร. นาย พวกเราจะทำอย่างไรเล่า ?
กุฎุมพี. พวกเราถึงอาการอันน่าเกลียดนี้ เพราะไม่มีสถานที่ซึ่งมี
คนคุ้นเคยกัน, เราทั้งหมดรวมทรัพย์กัน สร้างบริเวณเถอะ.
บริวาร. ดีละ นาย.
คนผู้หัวหน้า ได้ให้ทรัพย์พันหนึ่ง, ชนที่เหลือให้คนละ 500,

พวกหญิงให้คนละ 250. ชนเหล่านั้นรวบรวมทรัพย์นั้นแล้วเริ่ม ( สร้าง )
ชื่อบริเวณใหญ่ เพื่อประโยชน์เป็นที่ประทับของพระศาสดาซึ่งมีเรือนยอด
พันหลังเป็นบริวาร. เมื่อทรัพย์ไม่เพียงพอ เพราะความที่นวกรรมเป็น
งานใหญ่, จึงได้ออกอีกคนละกึ่ง จากทรัพย์ที่ตนให้แล้วในก่อน. เมื่อ
บริเวณเสร็จแล้ว. ชนเหล่านั้นเมื่อจะทำการฉลองวิหาร จึงถวายมหาทาน
แก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขตลอด 7 วัน แล้วจัดจีวรเพื่อภิกษุ
สองหมื่นรูป.

ภรรยาของกุฎุมพีถวายดอกอังกาบ


ฝ่ายภรรยาของกุฎุมพีผู้เป็นหัวหน้า ไม่ทำให้มีส่วนเสมอด้วยชน
ทั้งหมด ตั้งอยู่ด้วยปัญญาของตน คิดว่า "เราจักบูชาพระศาสดาทำให้
ยิ่ง (กว่าเขา)" จึงถือเอาผอบดอกอังกาบ กับผ้าสาฎกมีสีดังดอกอังกาบ
ราคาพันหนึ่ง ในเวลาอนุโมทนา บูชาพระศาสดาด้วยดอกอังกาบแล้ว
วางผ้าสาฎกนั้นไว้ แทบบาทมูลของพระศาสดาตั้งความปรารถนาว่า
" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอสรีระของหม่อมฉันจงมีสีดุจดอกอังกาบนี้แหละ
ในที่หม่อมฉันเกิดแล้ว ๆ, และขอหม่อมฉันจงมีนามว่า อโนชา นั้นแล."
พระศาสดาได้ทรงทำอนุโมทนาว่า "จงสำเร็จอย่างนั้นเถิด."

กุฎุมพีภรรยาและบริวารเกิดในราชตระกูล


ชนเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ดำรงอยู่จนตลอดอายุแล้ว จุติจากอัตภาพ
นั้นแล้วก็เกิดในเทวโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ จุติจากเทวโลกแล้ว.
กุฎุมพีผู้เป็นหัวหน้าเกิดในราชตระกูล ในกุกกุฏวดีนคร ถึงความเจริญ