เมนู

2. เรื่องภิกษุอัสสชิและปุนัพพสุกะ [61]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุอัสสชิ
และปุนัพพสุกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โอวเทยฺยานุสาเสยฺย"
เป็นต้น . ก็เทศนาตั้งขึ้นแล้วที่กิฏาคีรี.

ภิกษุลามกต้องถูกปัพพาชนียกรรม


ดังได้สดับมา ภิกษุ 2 รูปนั้น แม้เป็นสัทธิจะจาริกของพระ-
อัครสาวกก็จริง, ถึงอย่างนั้น เธอก็กลายเป็นอลัชชี เป็นภิกษุชั่ว.
ภิกษุ 2 รูปนั้น เมื่ออยู่ที่กิฏาคีรี กับภิกษุ 500 รูป ซึ่งเป็นบริวาร
ของตน (ล้วน ) เป็นผู้ชั่วช้า ทำอนาจารหลายอย่างหลายประการ
เป็นต้น ปลูกต้นไม้กระถางเองบ้าง ใช้ให้เขาปลูกบ้าง ทำกรรมแห่ง
ภิกษุผู้ประทุษร้ายตระกูล เลี้ยงชีพด้วยปัจจัยอันเกิดแต่กรรมนั้น ได้ทำ
อาวาสนั้นมิให้เป็นที่อยู่แห่งพวกภิกษุมีศีลเป็นที่รัก. พระศาสดาทรงสดับ
ข่าวนั้นแล้ว ตรัสเรียกพระอัครสาวกทั้งสองพร้อมด้วยบริวารมา เพื่อ
ทรงประสงค์ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุพวกนั้นแล้ว ตรัสว่า "สารีบุตร
และโมคคัลลานะ เธอพากันไปเถิด. ในภิกษุเหล่านั้น เหล่าใดไม่เชื่อฟัง
คำของเธอ. จงทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุเหล่านั้น; ส่วนเหล่าใดเชื่อฟัง
คำ, จงว่ากล่าวพร่ำสอนภิกษุเหล่านั้น, ธรรมดาผู้ว่ากล่าวสอน ย่อมไม่เป็น
ที่รักของผู้ที่ไม่ใช่บัณฑิตเท่านั้น, แต่เป็นที่รักที่ชอบใจของบัณฑิต

ทั้งหลาย" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงได้ตรัสพระ-
คาถานี้ว่า:-
2. โอเทยฺยานุสาเสยฺย อสพฺภา จ นิวารเย
สตํ หิ โส ปิโย โหติ อสตํ โหติ อปฺปิโย.
"ผู้ใดพึงว่ากล่าว พึงสอน และพึงห้ามจาก
ธรรมของอสัตบุรุษ, ผู้นั้นแล ย่อมเป็นที่รักของ
สัตบุรุษทั้งกลาย, ไม่เป็นที่รักของพวกอสัตบุรุษ."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โอวเทยฺย ความว่า เมื่อเกิดเรื่อง
ขึ้นแล้ว จึงกล่าว ชื่อว่าย่อมโอวาท, เมื่อยังไม่เกิดเรื่อง ชี้โทษอัน
ยังไม่มาถึง ด้วยสามารถเป็นต้นว่า "แม้โทษจะพึงมีแก่ท่าน" ดังนี้
ชื่อว่าย่อมอนุศาสน์; กล่าวต่อหน้า ชื่อว่าย่อมโอวาท, ส่งทูตหรือศาสน์
ไปในที่ลับหลัง ชื่อว่าย่อมอนุศาสน์. แม้กล่าวคราวเดียว ชื่อว่าย่อม
โอวาท, กล่าวบ่อย ๆ ชื่อว่าย่อมอนุศาสน์. อีกอย่างหนึ่งกำลังโอวาท
นั่นแล ชื่อว่าอนุศาสน์ พึงกล่าวสั่งสอนอย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้.
บทว่า อสพฺภา ความว่า พึงห้ามจากอกุศลธรรม พึงให้ตั้งอยู่
ในกุศลธรรม. บทว่า สตํ ความว่า บุคคลเห็นปานนี้นั้น ย่อมเป็น
ที่รักแห่งสัตบุรุษทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น; แต่ผู้ว่ากล่าว ผู้สั่งสอน
นั้น ย่อมไม่เป็นที่รักแห่งพวกที่ไม่เห็นธรรม มีปรโลกอันข้ามล่วงแล้ว
ผู้เห็นแก่อามิส บวชเพื่อประโยชน์แก่การเลี้ยงชีพเหล่านั้น ชื่อว่าอสัตบุรุษ
ผู้ทิ่มแทงด้วยหอกคือปากอย่างนั้นว่า " ท่านไม่ใช่อุปัชฌาย์อาจารย์ของพวก