เมนู

พราหมณ์แล้วตรัสถามว่า "พราหมณ์ เธอเที่ยวทำอะไรอยู่ ?" เขา
กราบทูลว่า " ข้าพระองค์ทำวัตรปฏิวัตรแก่ภิกษุทั้งหลายอยู่ พระเจ้าข้า."
พระศาสดา. เธอได้การสงเคราะห์จากสำนักของภิกษุเหล่านั้น
หรือ ?
พราหมณ์. ได้พระเจ้าข้า, ข้าพระองค์ได้แต่เพียงอาหาร, แต่
ท่านไม่ให้ข้าพระองค์บวช.

พระสารีบุตรเป็นผู้กตัญญูกตเวที


พระศาสดารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเรื่องนั้นแล้ว ตรัส
ถามความนั้นแล้ว ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย ใคร ๆ ระลึกถึงคุณของ
พราหมณ์นี้ได้ มีอยู่บ้างหรือ ?" พระสารีบุตรเถระกราบทูลว่า
"พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ระลึกได้, เมื่อข้าพระองค์เที่ยวบิณฑบาตอยู่ใน
กรุงราชคฤห์ พราหมณ์นี้ให้คนถวายภิกษาทัพพีหนึ่ง ที่เขานำมาเพื่อตน,
ข้าพระองค์ระลึกถึงคุณของพราหมณ์นี้ได้." เมื่อพระศาสดาตรัสว่า
" สารีบุตร ก็การที่เธอเปลื้องพราหมณ์ผู้มีอุปการะอันกระทำแล้วอย่างนั้น
จากทุกข์ ไม่ควรหรือ ?" ท่านกราบทูลว่า " ดีละ พระเจ้าข้า, ข้า-
พระองค์จักให้เขาบวช" จึงให้พราหมณ์นั้นบวชแล้ว.

พราหมณ์บวชแล้วเป็นคนว่าง่าย


อาสนะที่สุดแห่งอาสนะในโรงฉันย่อมถึงแก่ท่าน. ท่านลำบากอยู่
ด้วยอาหารวัตถุมีข้าวยาคูและภัตเป็นต้น. พระเถระพาท่านหลีกไปสู่ที่

จาริกแล้ว, กล่าวสอน พร่ำสอนท่านเนือง ๆ ว่า " สิ่งนี้ คุณควรทำ,
สิ่งนี้ คุณไม่ควรทำ " เป็นต้น. ท่านได้เป็นผู้ว่าง่าย มีปกติรับเอา
โอวาทโดยเคารพแล้ว, เพราะฉะนั้น เมื่อท่านปฏิบัติตามคำที่พระเถระ
พร่ำสอนอยู่ โดย 2-3 วันเท่านั้น ก็ได้บรรลุพระอรหัตแล้ว. พระเถระ
พาท่านไปสู่สำนักพระศาสดา ถวายบังคมนั่งแล้ว.
ลำดับนั้น พระศาสดาทรงทำปฏิสันถารกะท่านแล้ว ตรัสว่า
" สารีบุตร อันเตวาสิกของเธอเป็นผู้ว่าง่ายแลหรือ ?"
พระเถระ. อย่างนั้น พระเจ้าข้า. เธอเป็นผู้ว่าง่ายเหลือเกิน
เมื่อโทษไร ๆ ที่ข้าพระองค์แม้กล่าวสอนอยู่. ไม่เคยโกรธเลย.
พระศาสดา. สารีบุตร เธอเมื่อได้สัทธิวิหาริกเห็นปานนี้ จะพึง
รับได้ประมาณเท่าไร ?
พระเถระ. ข้าพระองค์พึงรับได้แม้มากทีเดียว พระเจ้าข้า.

พวกภิกษุสรรเสริญพระสารีบุตรและพระราธะ


ภายหลังวันหนึ่ง พวกภิกษุสนทนากันในโรงธรรมว่า "ได้ยินว่า
พระสารีบุตรเถระเป็นผู้กตัญญูกตเวที ระลึกถึงอุปการะสักว่าภิกษาทัพพี
หนึ่ง ให้พราหมณ์ตกยากบวชแล้ว; แม้พระราธเถระก็เป็นผู้อดทนต่อ
โอวาท ย่อมได้ท่านผู้ควรแก่การให้โอวาทเหมือนกันแล้ว."

พระศาสดาทรงแสดงอลีนจิตตชาดก


พระศาสดาทรงสดับกถาของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า "ภิกษุ
ทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น, ถึงในกาลก่อน สารีบุตรเป็นผู้