เมนู

วนวาสีติสสะ ได้ชื่อ 4 ชื่อภายในอายุ 7 ปี. รุ่งขึ้น สามเณรนั้นเข้าไป
บิณฑบาตยังบ้านนั้นแต่เช้าตรู่. พวกมนุษย์ถวายภิกษาไหว้แล้ว. สามเณร
กล่าวว่า "ขอท่านทั้งหลายจงถึงซึ่งความสุข, จงพ้นจากทุกข์เถิด." แม้
มนุษย์คนหนึ่งถวายภิกษาแก่สามเณรนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถจะ ( กลับ)
ไปยังเรือนได้อีก, ทุกคนได้ยืนแลดูอยู่ทั้งนั้น. แม้สามเณรนั้นก็รับภัตพอ
ยังอัตภาพให้เป็นไปเพื่อตน. ชาวบ้านทั้งสิ้นหมอบลงด้วยอก แทบเท้า
ของสามเณรนั้นแล้ว กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า เมื่อท่านอยู่ในที่นี้ตลอดไตร-
มาสนี้ พวกกระผมจักรับสรณะ 3 ตั้งอยู่ในศีล 5 จักทำอุโบสถกรรม
8 ครั้งต่อเดือน. ขอท่านจงให้ปฏิญญาแก่กระผมทั้งหลาย เพื่อประโยชน์
แห่งการอยู่ในที่นี้." สามเณรนั้นกำหนดอุปการะ จึงให้ปฏิญญาแก่มนุษย์
เหล่านั้น เที่ยวบิณฑบาตในบ้านนั้นนั่นแลเป็นประจำ. ก็ในขณะที่เขา
ไหว้แล้ว ๆ กล่าวเฉพาะ 2 บทว่า "ขอท่านทั้งหลายจงถึงซึ่งความสุข,
จงพ้นจากทุกข์" ดังนี้แล้ว หลีกไป. สามเณรนั้นให้เดือนที่ 1 และ
เดือนที่ 2 ล่วงไปแล้ว ณ ที่นั้น เมื่อเดือนที่ 3 ล่วงไป, ก็บรรลุพระอรหัต
พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา.

อุปัญฌายะไปเยี่ยมสามเณร


ครั้นเวลาปวารณาออกพรรษาแล้ว พระอุปัชฌาย์ของสามเณรนั้น
เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว กราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์-
ผู้เจริญ ข้าพระองค์จะไปยังสำนักติสสสามเณร."
พระศาสดา. ไปเถิด สารีบุตร.
พระสารีบุตรเถระนั้น เมื่อพาภิกษุประมาณ 500 รูป ซึ่งเป็น

บริวารของตน หลีกไป กล่าวว่า "โมคคัลลานะผู้มีอายุ กระผมจะไป
ยังสำนักติสสสามเณร" พระโมคคัลลานเถระ กล่าวว่า "ท่านผู้มีอายุ
แม้กระผมก็จักไปด้วย" ดังนี้แล้ว ก็ออกไปพร้อมกับภิกษุประมาณ 500
รูป. พระมหาสาวกทั้งปวง คือ พระมหากัสสปเถระ. พระอนุรุทธเถระ
พระอุบาสีเถระ พระปุณณเถระเป็นต้น ออกไปพร้อมกับภิกษุประมาณ
องค์ละ 500 รูป โดยอุบายนั้นแล. บริวารของพระมหาสาวกแม้ทั้งหมด
ได้เป็นภิกษุประมาณ 4 หมื่น. อุบาสกผู้บำรุงสามเณรเป็นประจำ เห็น
ภิกษุเหล่านั้น ผู้เดินทางประมาณ 120 โยชน์ ถึงโคจรคามแล้ว ณ ประตู
บ้านนั่นเองต้อนรับไหว้แล้ว. ลำดับนั้น พระสารีบุตรเถระ ถามอุบาสก
นั้นว่า "อุบาสก วิหารอันตั้งอยู่ในป่าในประเทศนี้มีอยู่หรือ ?"
อุบาสก. มีขอรับ.
พระเถระ. มีภิกษุไหม ?
อุบาสก. มีขอรับ.
พระเถระ. ใคร อยู่ในที่นั้น ?
อุบาสก. วนวาสีติสสสามเณร ขอรับ.
พระเถระ. ถ้ากระนั้น ท่านจงบอกทางแก่พวกฉัน.
อุบาสก. ท่านเป็นภิกษุพวกไหน ? ขอรับ.
พระเถระ. พวกเรามาสู่สำนักของสามเณร.
อุบาสกแลดูภิกษุเหล่านั้น จำพระมหาสาวกแม้ทั้งหมดได้ นับ
ตั้งแต่พระธรรมเสนาบดีเป็นต้น . เขามีสรีระอันปีติถูกต้องแล้วหาระหว่าง
มิได้ กล่าวว่า "ท่านขอรับ ขอท่านจงหยุดก่อนเถิด" แล้วเข้าไปสู่

บ้านโดยเร็ว ป่าวร้องว่า " พระอสีติมหาสาวกผู้เป็นเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น
นับแต่พระสารีบุตรเถระเป็นต้น มาสู่สำนักของสามเณร กับด้วยบริวาร
ของตน ๆ, ท่านทั้งหลายจงถือเอาเครื่องใช้ มี เตียง ตั่ง เครื่องปูลาด
ประทีปและน้ำมันเป็นต้น ออกไปโดยเร็วเถิด." ทันใดนั้นเอง พวก
มนุษย์ขนเตียงเป็นต้น เดินติดตามรอยพระเถระไป เข้าไปสู่วิหารพร้อม
กับพระเถระนั่นแหละ. สามเณรจำหมู่ภิกษุได้ รับบาตรและจีวรพระมหา-
เถระ 2 - 3 องค์แล้ว ได้ทำวัตร. เมื่อสามเณรนั้นจัดแจงที่อยู่เพื่อพระ-
เถระทั้งหลายเก็บบาตรและจีวรอยู่นั่นแล, ก็มืดพอดี. พระสารีบุตรเถระ
กล่าวกะพวกอุบาสกว่า " อุบาสกทั้งหลาย พวกท่านไปเถิด, ความมืด
เกิดแก่พวกท่าน."
พวกอุบาสก. ท่านผู้เจริญ วันนี้เป็นวันฟังธรรม, พวกกระผม
จักยังไม่ไป, จักฟังธรรม, ในกาลก่อนแต่นี้ แม้การฟังธรรมมิได้มีแก่
กระผมทั้งหลาย.
พระเถระ. สามเณร ถ้ากระนั้น เธอจงตามประทีปประกาศเวลา
ฟังธรรมเถิด.
สามเณรนั้น ได้ทำแล้วอย่างนั้น.
ลำดับนั้น พระเถระกล่าวกะสามเณรนั้นว่า "ติสสะ พวกอุปัฏฐาก
ของเธอ กล่าวอยู่ว่า ' พวกเราใคร่จะฟังธรรม เธอจงกล่าวธรรมแก่
อุปัฏฐากเหล่านั้น." พวกอุบาสก ลุกขึ้นพร้อมกันทันที กล่าวว่า
" ท่านผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้า ของพวกกระผม ยกแต่บท 2 บทเหล่านี้
คือ ' ขอท่านทั้งหลายจงมีความสุข, จงพ้นจากทุกข์,' หารู้ธรรมกถา
อย่างอื่นไม่, ขอท่านทั้งหลาย จงให้พระธรรมกถึกรูปอื่นแก่พวกกระผม

เถิด." ก็สามเณรถึงบรรลุพระอรหัตแล้วก็มิได้กล่าวธรรมกถาแก่อุปัฏฐาก
เหล่านั้นเลย.

เหตุให้ถึงสุขและพ้นจากทุกข์


ก็ในกาลนั้น พระอุปัชฌายะ กล่าวกะสามเณรนั้นว่า " สามเณร
คนทั้งหลายจะมีความสุขได้อย่างไร ? [และ] จะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร ?
เธอจงกล่าวเนื้อความแห่งบททั้งสองนี้แก่เราทั้งหลาย." สามเณรนั้นรับว่า
" ดีละ ขอรับ " แล้วถือพัดอันวิจิตร ขึ้นสู่ธรรมาสน์ ชักผลและเหตุ
มาจากนิกายทั้ง 4 จำแนกขันธ์ ธาตุ อายตนะ และโพธิปักขิยธรรม
ดุจมหาเมฆตั้งขึ้นใน 4 ทวีป ยังฝนลูกเห็บให้ตกอยู่ กล่าวธรรมกถาด้วย
ยอดคือพระอรหัต แล้วกล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ ความสุขย่อมมีแก่บุคคลผู้
บรรลุพระอรหัตอย่างนี้. ผู้บรรลุพระอรหัตแล้วนั่นแล ย่อมพ้นจากทุกข์,
คนที่เหลือไม่พ้นจากชาติทุกข์เป็นต้น และจากทุกข์ในนรกเป็นต้นได้."
พระเถระกล่าวว่า "ดีละ สามเณร การกล่าวโดยบทอันเธอกล่าวดีแล้ว
บัดนี้ จงกล่าวสรภัญญะเถิด." สามเณรนั้น กล่าวแม้สรภัญญะแล้ว.
เมื่ออรุณขึ้น พวกมนุษย์ที่บำรุงสามเณร ได้เป็น 2 พวก. บางพวก
โกรธว่า " ในกาลก่อนแต่นี้ พวกเราไม่เคยเห็นคนหยาบช้าเช่นนี้.
ทำไม สามเณรรู้ธรรมกถาเห็นปานนี้ จึงไม่กล่าวบทแห่งธรรมแม้สักบท
หนึ่ง แก่พวกมนุษย์ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเพียงดังมารดาบิดา อุปัฏฐากอยู่
สิ้นกาลประมาณเท่านี้. บางพวกยินดีว่า "เป็นลาภของพวกเราหนอ ผู้
แม้ไม่รู้คุณหรือโทษ บำรุงท่านผู้เจริญเห็นปานนี้, แต่บัดนี้ พวกเรา
ได้เพื่อฟังธรรมในสำนักของท่านผู้เจริญนั้น." ในเวลาใกล้รุ่งวันนั้น