เมนู

สามารถแห่งการกระทำไว้ในใจโดยความเป็นของปฏิกูลแก่เด็กนั้น ให้เด็ก
บวชแล้ว. จริงอยู่ การที่ภิกษุบอกอาการ 32 แม้ทั้งสิ้นควรแท้, เมื่อ
ไม่อาจบอกได้ทั้งหมด พึงบอกตจปัญจกกัมมัฏฐานก็ได้ ด้วยว่ากัมมัฏฐาน
นี้ พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ไม่ทรงละแล้วโดยแท้. การกำหนดภิกษุ
ก็ดี ภิกษุณีก็ดี อุบาสกก็ดี อุบาสิกาก็ดี ผู้บรรลุพระอรหัต ในเพราะ
บรรดาอาการทั้งหลายมีผมเป็นต้น ส่วนหนึ่ง ๆ ย่อมไม่มี. ก็ภิกษุทั้งหลาย
ผู้ไม่ฉลาด เมื่อยังกุลบุตรให้บวช ย่อมยังอุปนิสัยแห่งพระอรหัตให้ฉิบหาย
เสีย เพราะเหตุนั้น พระเถระพอบอกกัมมัฏฐานแล้ว จึงให้บวช ให้ตั้ง
อยู่ในศีล 10. มารดาบิดาทำสักการะแก่บุตรผู้บวชแล้ว ได้ถวายข้าว
มธุปายาสมีน้ำน้อยเท่านั้นแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ใน
วิหารนั่นเองสิ้น 7 วัน. ฝ่ายภิกษุทั้งหลายโพนทะนาว่า "เราทั้งหลาย
ไม่สามารถจะฉันข้าวมธุปายาสมีน้ำน้อยเป็นนิตย์ได้." มารดาบิดา แม้ของ
สามเณรนั้น ได้ไปสู่เรือนในเวลาเย็นในวันที่ 7 ในวันที่ 8 สามเณร
เข้าไปบิณฑบาตกับภิกษุทั้งหลาย.

สามเณรมีลาภมากเพราะผลทานในกาลก่อน


ชาวเมืองสาวัตถี กล่าวว่า " ได้ยินว่า สามเณรจักเข้าไปบิณฑบาต
ในวันนี้, พวกเราจักทำสักการะแก่สามเณรนั้น" ดังนี้แล้ว จึงทำเทริด
ด้วยผ้าสาฎกประมาณ 500 ผืน จัดแจงบิณฑบาต ประมาณ 500 ที่
ได้ถือไปยืนดักทางถวายแล้ว. ในวันรุ่งขึ้น ได้มาสู่ป่าใกล้วิหาร ถวายแล้ว.
สามเณรได้บิณฑบาตพันหนึ่ง กับผ้าสาฎกพันหนึ่ง โดย 2 วันเท่านั้น
ด้วยอาการอย่างนี้ ให้คนถวายแก่ภิกษุสงฆ์แล้ว. ได้ยินว่า นั่นเป็นผล

แห่งผ้าสาฎกเนื้อหยาบที่สามเณรถวายแล้วในคราวเป็นพราหมณ์. ลำดับนั้น
ภิกษุทั้งหลายขนานนามสามเณรนั้นว่า "ปิณฑปาตทายกติสสะ." รุ่งขึ้น
วันหนึ่งในฤดูหนาว สามเณรเที่ยวจาริกไปในวิหาร เห็นภิกษุทั้งหลาย
ผิงไฟอยู่ในเรือนไฟเป็นต้นในที่นั้น ๆ จึงเรียนว่า "ท่านขอรับ เหตุไร
ท่านทั้งหลายจึงนั่งผิงไฟ ?"
พวกภิกษุ. ความหนาวเบียดเบียนพวกเรา สามเณร.
สามเณร. ท่านขอรับ ธรรมดาในฤดูหนาว ท่านทั้งหลายควรห่มผ้า
กัมพล, เพราะผ้ากัมพลนั้น สามารถกันหนาวได้.
พวกภิกษุ. สามเณร เธอมีบุญมาก พึงได้ผ้ากัมพล, พวกเราจักได้
ผ้ากัมพลแต่ที่ไหน ?
สามเณร กล่าวว่า " ท่านขอรับ ถ้ากระนั้น พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย
ผู้มีความต้องการผ้ากัมพล จงมากับกระผมเถิด" แล้วให้บอกภิกษุใน
วิหารทั้งสิ้น. ภิกษุทั้งหลายคิดว่า "พวกเราจักไปกับสามเณรแล้ว นำผ้า
กัมพลมา" อาศัยสามเณรผู้มีอายุ 7 ปี ออกไปแล้วประมาณพันรูป.
สามเณรนั้น มิให้แม้จิตเกิดขึ้นว่า " เราจักได้ผ้ากัมพลแต่ที่ไหน เพื่อ
ภิกษุประมาณเท่านี้ " พวกภิกษุเหล่านั้นบ่ายหน้าสู่พระนครไปแล้ว. จริงอยู่
ทานที่บุคคลถวายดีแล้ว ย่อมมีอานุภาพเช่นนี้. สามเณรนั้น เที่ยวไป
ตามลำดับเรือนภายนอกพระนครเท่านั้น ได้ผ้ากัมพลประมาณ 500 ผืน
แล้ว จึงเข้าไปภายในพระนคร. พวกมนุษย์นำผ้ากัมพลมาแต่ที่โน้นที่นี้.
ส่วนบุรุษคนหนึ่งเดินไปโดยทางประตูร้านตลาด เห็นชาวร้านตลาดคน
หนึ่ง ผู้นั่งคลี่ผ้ากัมพล 500 ผืน จึงพูดว่า " ผู้เจริญ สามเณรรูปหนึ่ง
รวบรวมผ้ากัมพลอยู่, ท่านจงซ่อมผ้ากัมพลของท่านเสียเถิด.

ชาวร้านตลาด. ก็สามเณรนั้น ถือเอาสิ่งที่เขาให้แล้วหรือที่เขายัง
ไม่ให้.
บุรุษ. ถือเอาสิ่งที่เขาให้แล้ว.
ชาวร้านตลาดพูดว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น, ถ้าเราปรารถนา เราจักให้;
หากเราไม่ปรารถนา, จักไม่ให้; ท่านจงไปเสียเถิด" ดังนี้แล้วก็ส่งเขาไป.

ลักษณะคนตระหนี่


จริงอยู่ พวกคนตระหนี่ผู้เป็นอันธพาล, เมื่อชนเหล่าอื่นให้ทาน
อย่างนี้ ก็ตระหนี่แล้ว จึงเกิดในนรก เหมือนกาฬอำมาตย์เห็นอสทิสทาน
แล้ว ตระหนี่อยู่ฉะนั้น. ชาวร้านตลาด คิดว่า "บุรุษนี้มาโดยธรรมดา
ของตน กล่าวกะเราว่า ' ท่านจงซ่อนผ้ากัมพลของท่านเสีย.' แม้เราก็ได้
กล่าวว่า " ถ้าสามเณรนั้น ถือเอาสิ่งที่เขาให้; ถ้าเราปรารถนา เราจักให้
ของ ๆ เรา; หากไม่ปรารถนา, เราก็จักไม่ให้; ก็เมื่อเราไม่ให้ของที่สาม-
เณรเห็นแล้ว ความละอายย่อมเกิดขึ้น, เมื่อเราซ่อนของ ๆ ตนไว้ ย่อม
ไม่มีโทษ; บรรดาผ้ากัมพล 500 นี้ ผ้ากัมพล 2 ผืนมีราคาตั้งแสน;
การซ่อนผ้า 2 ผืนนี้ไว้ ควร" ดังนี้แล้ว จึงผูกผ้ากัมพลทั้งสองผืน ทำให้
เป็นชายด้วยชาย1 วางซ่อนไว้ในระหว่างแห่งผ้าเหล่านั้น. ฝ่ายสามเณรถึง
ประเทศนั้นพร้อมด้วยภิกษุพันหนึ่ง. เพราะเห็นสามเณรเท่านั้น ความรัก
เพียงดังบุตรก็เกิดขึ้นแก่ชาวร้านตลาด. สรีระทั้งสิ้นได้เต็มเปี่ยมแล้วด้วย
ความรัก. เขาคิดว่า "ผ้ากัมพลทั้งหลายจงยกไว้, เราเห็นสามเณรนี้แล้วจะ
ให้แม้เนื้อคือหทัย ก็ควร." ชาวร้านตลาดนั้นนำผ้ากัมพลทั้งสองผืนนั้น
1. เอาชายผ้า 2 ผืนผูกติดกัน.