เมนู

แต่เช้าตรู่ ประดับแล้วให้นอนเบื้องบนผ้ากัมพลมีค่าแสนหนึ่งบนที่นอน
อันมีสิริ.

ทารกบริจาคทาน


ทารกนั้น นอนอยู่บนผ้ากัมพลนั้นเอง แลดูพระเถระแล้ว คิดว่า
" พระเถระนี้ เป็นบุรพาจารย์ของเรา, เราได้สมบัตินี้ เพราะอาศัยพระ-
เถระนี้, การที่เราทำการบริจาคอย่างหนึ่งแก่ท่านผู้นี้ ควร" อันญาติ
นำไปเพื่อประโยชน์แก่การรับสิกขาบท ได้เอานิ้วก้อยเกี่ยวผ้ากัมพลนั้น
ยึดไว้. ครั้งนั้น ญาติทั้งหลายของทารกนั้น คิดว่า " ผ้ากัมพลคล้องที่
นิ้วมือแล้ว" จึงปรารภจะนำออก. ทารกนั้น ร้องไห้แล้ว พวกญาติ
กล่าวว่า " ขอพวกท่านจงหลีกไปเถิด, ท่านทั้งหลายอย่ายังทารกให้ร้อง-
ไห้เลย" ดังนี้แล้ว จึงนำไปพร้อมกับผ้ากัมพลนั่นแล. ในเวลาไหว้พระ-
เถระ. ทารกนั้น ชักนิ้วมือออกจากผ้ากัมพล ให้ผ้ากัมพลตกลง ณ ที่ใกล้
เท้าของพระเถระ. ลำดับนั้น พวกญาติไม่กล่าวว่า " เด็กเล็กไม่รู้กระทำ
แล้ว" กล่าวว่า " ท่านเจ้าข้า ผ้าอันบุตรของพวกข้าพเจ้าถวายแล้ว จง
เป็นอันบริจาคแล้วทีเดียว" ดังนี้แล้ว กล่าวว่า "ท่านเจ้าข้า ขอพระผู้
เป็นเจ้าจงให้สิกขาบทแก่ทาสของท่าน ผู้ทำการบูชาด้วยผ้ากัมพลนั่นแหละ
อันมีราคาแสนหนึ่ง."
พระเถระ. เด็กนี้ชื่ออะไร ?
พากญาติ. ชื่อเหมือนกับพระผู้เป็นเจ้า ขอรับ.
พระเถระ. นี้จักชื่อ ติสสะ.
ได้ยินว่า พระเถระ ในเวลาเป็นคฤหัสถ์ ได้มีชื่อว่า อุปติสส-
มาณพ, แม้มารดาของเด็กนั้น ก็คิดว่า "เราไม่ควรทำลายอัธยาศัยของ

บุตร." พวกญาติ ครั้นกระทำมงคลคือการขนานนามแห่งเด็กอย่างนั้น
แล้ว ในมงคลคือการบริโภคอาหาของเด็กนั้นก็ดี ในมงคลคือการเจาะหู
ของเด็กนั้นก็ดี ในมงคลคือการนุ่งผ้าของเด็กนั้นก็ดี ในมงคลคือการ
โกนจุกของเด็กนั้นก็ดี ได้ถวายข้าวมธุปายาสมีน้ำน้อย แก่ภิกษุประมาณ
500 รูป มีพระสารีบุตรเถระเป็นประธาน. เด็กเจริญวัยแล้ว กล่าวกะ
มารดา ในเวลามีอายุ 7 ขวบว่า "แม่ ฉันจักบวชในสำนักของพระเถระ."
มารดานั้น รับว่า " ดีละ ลูก, เมื่อก่อนแม่ก็ได้หมายใจไว้ว่า 'เราไม่ควร
ทำลายอัธยาศัยของลูก.' เจ้าจงบวชเถิดลูก" ดังนี้แล้ว ให้คนนิมนต์
พระเถระมา ถวายภิกษาแก่พระเถระนั้นผู้มาแล้ว กล่าวว่า " ท่านเจ้าข้า
ทาสของท่านกล่าวว่า ' จักบวช,' พวกดิฉันจักพาทาสของท่านนี้ไปสู่
วิหารในเวลาเย็น" ส่งพระเถระไปแล้ว ในเวลาเย็นพาบุตรไปสู่วิหาร
ด้วยสักการะและสัมมานะเป็นอันมาก แล้วก็มอบถวายพระเถระ.

การบวชทำได้ยาก


พระเถระกล่าวกับเด็กนั้นว่า " ติสสะ ชื่อว่าการบวชเป็นของที่ทำ
ได้ยาก, เมื่อความต้องการด้วยของร้อนมีอยู่ ย่อมได้ของเย็น, เมื่อความ
ต้องการด้วยของเย็นมีอยู่ ย่อมได้ของร้อน, ชื่อว่า นักบวชทั้งหลาย ย่อม
เป็นอยู่โดยลำบาก. ก็เธอเสวยความสุขมาแล้ว ."
ติสสะ. ท่านขอรับ กระผมจักสามารถทำได้ทุกอย่าง ตามทำนอง
ที่ท่านบอกแล้ว.

กัมมัฏฐานพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่เคยทรงละ


พระเถระ กล่าวว่า " ดีละ" แล้วบอกตจปัญจกกัมมัฏฐานด้วย