เมนู

เห็นพราหมณ์นั้น คิดว่า " พราหมณ์ได้ไทยธรรมแล้ว หวังอยู่ซึ่งกรรม
ของเรา. การที่เราไปในที่นั้น ควร" ดังนี้แล้ว จึงห่มผ้าสังฆาฏิ ถือ
บาตร แสดงตนยืนอยู่แล้วที่ประตูเรือนของพราหมณ์นั้นนั่นเอง. เพราะ
เห็นพระเถระเท่านั้น จิตของพราหมณ์เลื่อมใสแล้ว. ลำดับนั้น เขาเข้า
ไปหาพระเถระนั้น ไหว้แล้ว กระทำปฏิสันถารนิมนต์ให้นั่งภายในเรือน
ถือถาดอันเต็มด้วยข้าวปายาส เกลี่ยลงในบาตรของพระเถระ. พระเถระ
รับกึ่งหนึ่งแล้วจึงเอามือปิดบาตร. ทีนั้น พราหมณ์กล่าวกะพระเถระนั้นว่า
" ท่านผู้เจริญ ข้าวปายาสนี้สักว่าเป็นส่วนของคน ๆ เดียวเท่านั้น. ขอ
ท่านจงทำความสงเคราะห์ในปรโลกแก่กระผมเถิด, อย่าทำความสงเคราะห์
ในโลกนี้เลย; กระผมปรารถนาถวายไม่ให้เหลือทีเดียว" ดังนี้แล้ว จึง
เกลี่ยลงทั้งหมด. พระเถระฉันในที่นั้นนั่นแล. ครั้นในเวลาเสร็จภัตกิจ
เขาถวายผ้าสาฎกแม้นั้น แก่พระเถระนั้น ไหว้แล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า "ท่าน
ผู้เจริญ แม้กระผมพึงบรรลุธรรมที่ท่านเห็นแล้วเหมือนกัน." พระเถระ
ทำอนุโมทนาแก่พราหมณ์นั้นว่า "จงสำเร็จอย่างนั้น พราหมณ์" ลุกขึ้น
จากอาสนะหลีกไป เที่ยวจาริกโดยลำดับ ได้ถึงพระเชตวันแล้ว.

พราหมณ์ยากจนตายไปเกิดในกรุงสาวัตถี


ก็ทานที่บุคคลถวายแล้วในคราวที่ตนตกยาก ย่อมยังผู้ถวายให้ร่าเริง
อย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น แม้พราหมณ์ถวายทานนั้นแล้ว มีจิตเลื่อมใส เกิด
โสมนัสแล้ว ได้ทำความสิเนหามีประมาณยิ่งในพระเถระ. ด้วยความ
สิเนหาในพระเถระนั่นแล พราหมณ์นั้น ทำกาละแล้ว ถือปฏิสนธิในสกุล

อุปัฏฐากของพระเถระในกรุงสาวัตถี. ก็ในขณะนั้นแล มารดาของเขา
บอกแก่สามีว่า "สัตว์เกิดในครรภ์ตั้งขึ้นในท้องของฉัน." สามีนั้นได้ให้
เครื่องบริหารครรภ์แก่มารดาของทารกนั้นแล้ว . เมื่อนางเว้นการบริโภค
อาหารวัตถุมีของร้อนจัด เย็นนัก และเปรี้ยวนักเป็นต้น รักษาครรภ์อยู่
โดยสบาย ความแพ้ท้องเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า "ไฉนหนอ เราพึงนิมนต์
ภิกษุ 500 รูปมีพระสารีบุตรเถระเป็นประธานให้นั่งในเรือน ถวายปายาส1
เจือด้วยน้ำนมล้วน แม้ตนเองนุ่งห่มผ้ากาสาวะ ถือขันทองนั่งในที่สุด
แห่งอาสนะ แล้วบริโภคข้าวปายาสอันเป็นเดนของภิกษุประมาณเท่านี้."
ได้ยินว่า ความแพ้ท้องในเพราะการนุ่งห่มผ้ากาสาวะนั้นของนาง ได้เป็น
บุรพนิมิตแห่งการบรรพชาในพระพุทธศาสนาของบุตรในท้อง. ลำดับนั้น
พวกญาติของนาง คิดว่า "ความแพ้ท้องของธิดาพวกเราประกอบด้วย
ธรรม" ดังนี้แล้ว จึงถวายข้าวปายาสเจือด้วยน้ำนมล้วน แก่ภิกษุ 500
รูป ทำพระสารีบุตรเถระให้เป็นพระสังฆเถระ. แม้นางก็นุ่งผ้ากาสาวะผืน
หนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง ถือขันทองนั่งในที่สุดแห่งอาสนะ บริโภคข้าวปายาส
อันเป็นเดน ( ของภิกษุ ). ความแพ้ท้องสงบแล้ว. ในมงคลอันเขากระทำ
แล้วในระหว่าง ๆ แก่นางนั้น ตลอดเวลาสัตว์เกิดในครรภ์ตลอดก็ดี ใน
มงคลอันเขากระทำแล้วแก่นางผู้ตลอดบุตรแล้ว โดยล่วงไป 10 เดือนก็ดี
พวกญาติก็ได้ถวายข้าวมธุปายาสมีน้ำน้อย แก่ภิกษุประมาณ 500 รูป มี
พระสารีบุตรเถระเป็นประธานเหมือนกัน. ได้ยินว่า นี้เป็นผลแห่งข้าว
ปายาสที่ทารกถวายแล้ว ในเวลาที่คนเป็นพราหมณ์ในกาลก่อน. ก็ใน
วันมงคลที่พวกญาติกระทำในวันที่ทารกเกิด พวกญาติให้ทารกนั้นอาบน้ำ
1. ข้าวชนิดหนึ่ง ที่หุงเจือด้วยน้ำนม น้ำผึ้ง น้ำตาล เป็นต้น หรือข้าวเปียกเจือนม.

แต่เช้าตรู่ ประดับแล้วให้นอนเบื้องบนผ้ากัมพลมีค่าแสนหนึ่งบนที่นอน
อันมีสิริ.

ทารกบริจาคทาน


ทารกนั้น นอนอยู่บนผ้ากัมพลนั้นเอง แลดูพระเถระแล้ว คิดว่า
" พระเถระนี้ เป็นบุรพาจารย์ของเรา, เราได้สมบัตินี้ เพราะอาศัยพระ-
เถระนี้, การที่เราทำการบริจาคอย่างหนึ่งแก่ท่านผู้นี้ ควร" อันญาติ
นำไปเพื่อประโยชน์แก่การรับสิกขาบท ได้เอานิ้วก้อยเกี่ยวผ้ากัมพลนั้น
ยึดไว้. ครั้งนั้น ญาติทั้งหลายของทารกนั้น คิดว่า " ผ้ากัมพลคล้องที่
นิ้วมือแล้ว" จึงปรารภจะนำออก. ทารกนั้น ร้องไห้แล้ว พวกญาติ
กล่าวว่า " ขอพวกท่านจงหลีกไปเถิด, ท่านทั้งหลายอย่ายังทารกให้ร้อง-
ไห้เลย" ดังนี้แล้ว จึงนำไปพร้อมกับผ้ากัมพลนั่นแล. ในเวลาไหว้พระ-
เถระ. ทารกนั้น ชักนิ้วมือออกจากผ้ากัมพล ให้ผ้ากัมพลตกลง ณ ที่ใกล้
เท้าของพระเถระ. ลำดับนั้น พวกญาติไม่กล่าวว่า " เด็กเล็กไม่รู้กระทำ
แล้ว" กล่าวว่า " ท่านเจ้าข้า ผ้าอันบุตรของพวกข้าพเจ้าถวายแล้ว จง
เป็นอันบริจาคแล้วทีเดียว" ดังนี้แล้ว กล่าวว่า "ท่านเจ้าข้า ขอพระผู้
เป็นเจ้าจงให้สิกขาบทแก่ทาสของท่าน ผู้ทำการบูชาด้วยผ้ากัมพลนั่นแหละ
อันมีราคาแสนหนึ่ง."
พระเถระ. เด็กนี้ชื่ออะไร ?
พากญาติ. ชื่อเหมือนกับพระผู้เป็นเจ้า ขอรับ.
พระเถระ. นี้จักชื่อ ติสสะ.
ได้ยินว่า พระเถระ ในเวลาเป็นคฤหัสถ์ ได้มีชื่อว่า อุปติสส-
มาณพ, แม้มารดาของเด็กนั้น ก็คิดว่า "เราไม่ควรทำลายอัธยาศัยของ