เมนู

พระศาสดาทรงรับรองว่าเปรตมี


พระศาสดา ทรงสดับถ้อยคำของพระเถระแล้ว จึงตรัสว่า "ภิกษุ
ทั้งหลาย สัตว์นี้ แม้เรานั่งอยู่ที่โพธิมัณฑประเทศ ก็เห็นแล้วเหมือนกัน
เราไม่บอก ก็เพื่อนุเคราะห์แก่คนเหล่าอื่นว่า ' ก็แลคนเหล่าใด ไม่พึง
เชื่อคำของเรา; ความไม่เชื่อนั้น พึงมีเพื่อกรรมไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
แก่คนเหล่านั้น,' แต่ว่า บัดนี้ เราเป็นพยานของโมคคัลลานะ จึงบอก
ได้." ภิกษุทั้งหลาย ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว จึงทูลถามถึงบุรพกรรมของ
เปรตนั้น. แม้พระศาสดา ก็ตรัสแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า :-

บุรพกรรมของสัฏฐิกูฏเปรต


" ดังได้ยินมา ในอดีตกาล ในกรุงพาราณสี ได้มีบุรุษเปลี้ย
คนหนึ่ง ถึงซึ่งความสำเร็จในศิลปะของบุคคลผู้ดีดก้อนกรวด. บุรุษนั้น
นั่ง ณ ภายใต้ต้นไทรย้อยต้นหนึ่ง ใกล้ประตูพระนคร อันพวกเด็ก
ชาวบ้านกล่าวอยู่ว่า " ท่านจงดีดก้อนกรวดไปเจาะใบไทรนั้นแสดงรูปช้าง
แก่พวกเรา; แสดงรูปม้าแก่พวกเรา" ก็แสดงรูปทั้งหลายอันพวกเด็ก
ปรารถนาแล้ว ๆ ได้วัตถุมีของเคี้ยวเป็นต้น จากสำนักพวกเด็กเหล่านั้น.
ภายหลังวันหนึ่ง พระราชาเสด็จไปสู่พระราชอุทยาน เสด็จถึงประเทศนั้น.
พวกเด็กซ่อนบุรุษเปลี้ยไว้ในระหว่างย่านไทรแล้ว ก็หนีไป. เมื่อพระ-
ราชาเสด็จเข้าไปสู่โคนต้นไม้ในเวลาเที่ยงตรง เงาของช่องส่องต้องพร-
สรีระ. ท้าวเธอทรงดำริว่า "นี้อะไรหนอแล ?" ทรงตรวจดูในเบื้องบน
ทอดพระเนตรเห็นรูปมีรูปช้างเป็นต้นที่ใบไม้ทั้งหลาย จึงตรัสถามว่า
" นี่กรรมของใคร ?" ทรงสดับว่า " ของบุรุษเปลี้ย" จงรับสั่งให้หา