เมนู

ก้าวลงสู่ความหลับ เมื่อข้าพเจ้า ทำเสียงกวาดวิหารก็ดี เสียงกรอกน้ำ
ในหม้อฉันและหม้อน้ำใช้ก็ดี เสียงระฆังก็ดี ตั้งแต่เช้าตรู่ ก็ยังไม่รู้สึก..."
กฎุมพีคิดว่า "ชื่อว่าการหลับจนถึงกาลนี้ ย่อมไม่มี แก่พระผู้เป็นเจ้าของ
เราประกอบด้วยอิริยาบถสมบัติเช่นนั้น, แต่ท่านผู้เจริญรูปนี้ จักกล่าวคำ
อะไร ๆ แน่นอน เพราะเห็นเราทำสักการะแก่ท่าน." เพราะความที่ตน
เป็นบัณฑิต กุฎุมพีนั้น จึงนิมนต์ให้ภิกษุฉันโดยเคารพ ล้างบาตรของ
ท่านให้ดีแล้ว ให้เต็มด้วยโภชนะมีรสเลิศต่าง ๆ แล้วกล่าวว่า " ท่าน
ผู้เจริญ ถ้าท่านพึงเห็นพระผู้เป็นเจ้าของกระผม, ท่านพึงถวายบิณฑบาต
นี้ แก่พระผู้เป็นเจ้านั้น." ภิกษุนอกนี้พอรับบิณฑบาตนั้นแล้ว ก็คิดว่า
"ถ้าภิกษุนั้น จักบริโภคบิณฑบาตเห็นปานนี้ไซร้, เธอก็จักข้องอยู่ในที่นี้
เท่านั้น" ทิ้งบิณฑบาตนั้นในระหว่างทาง ไปสู่ที่อยู่ของพระเถระ แลดู
พระเถระนั้นในที่นั้นมิได้เห็นแล้ว. ทีนั้น สมณธรรมแม้ที่เธอทำไว้ สิ้น
สองหมื่นปีไม่อาจเพื่อรักษาเธอได้ เพราะเธอทำกรรมประมาณเท่านี้. ก็
ในกาลสิ้นอายุ เธอเกิดแล้วในอเวจี เสวยทุกข์เป็นอันมาก สิ้นพุทธันดร
หนึ่ง ในพุทธุปบาทกาลนี้ เกิดในเรือนแห่งตระกูล ซึ่งมีข้าวและน้ำมาก
แห่งหนึ่งในพระนครราชคฤห์.

โทษของการด่าพระอรหันต์


จำเดิมแต่กาลที่เดินได้ด้วยเท้า เขาไม่ปรารถนา เพื่อจะนอนบน
ที่นอนทีเดียว ไม่ปรารถนาเพื่อจะบริโภคภัต, เคี้ยวกินแต่สรีรวลัญชะ1
ของตนเท่านั้น. มารดาบิดา เลี้ยงทารกนั้นไว้ ด้วยสำคัญว่า " เด็ก
1. อุจจาระ.

ไม่รู้เพราะยังอ่อน จึงทำ." แม้ในเวลาเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่ปรารถนาเพื่อ
จะนุ่งผ้า. เป็นผู้เปลือยกายเที่ยวไป นอนบนแผ่นดิน, เคี้ยวกินแต่
สรีรวลัญชะของตนเท่านั้น. ลำดับนั้น มารดาและบิดาของเขา คิดว่า
" เด็กนี้ไม่สมควรแก่เรือนแห่งสกุล; เด็กนี้สมควรแก่พวกอาชีวก" ดังนี้
แล้ว จึงนำไปสู่สำนักของอาชีวกเหล่านั้น ได้มอบให้ว่า " ขอท่าน
ทั้งหลายจงยังเด็กนี้ให้บวชเถิด." ลำดับนั้น อาชีวกเหล่านั้นยังเขาให้บวช
แล้ว ก็แลครั้นให้บวชแล้ว พวกอาชีวกนั้นตั้งเขาไว้ในหลุมประมาณเพียง
คอ วางไม้เรียบไว้บนจะงอยบ่าทั้งสอง นั่งบนไม้เรียบเหล่านั้น ถอน
ผมด้วยท่อนแห่งแปรงตาล. ลำดับนั้น มารดาบิดาของเขา เชิญอาชีวก
เหล่านั้น เพื่อฉันในวันพรุ่งนี้แล้ว หลีกไป. วันรุ่งขึ้น พวกอาชีวก
กล่าวกะเขาว่า "ท่านจงมา, พวกเราจักเข้าไปสู่บ้าน." เขากล่าวว่า "ขอ
เชิญพวกท่านไปเถิด, ข้าพเจ้าจักอยู่ในที่นี้แล" ดังนี้แล้ว ก็ไม่ปรารถนา.
ครั้งนั้น อาชีวกทั้งหลาย ได้ละเขาผู้กล่าวแล้ว ๆ เล่า ๆ ซึ่งไม่ปรารถนา
อยู่ ไปแล้ว. ฝ่ายเขาทราบความที่อาชีวกเหล่านั้นไปแล้ว เปิดประตูเวจกุฏี
ลงไปกินคูถปั้นให้เป็นคำด้วยมือทั้งสอง พวกอาชีวกส่งอาหารไปจากภาย-
ในบ้านเพื่อเขา. เขาไม่ปรารถนาแม้อาหารนั้น, แม้ถูกพวกอาชีวกกล่าวอยู่
บ่อย ๆ ก็กล่าวว่า "ข้าพเจ้าไม่ต้องการอาหารนี้. อาหารอันข้าพเจ้าได้
แล้ว." พวกอาชีวกถามว่า " ท่านได้อาหารที่ไหน ?" เขาตอบว่า "ื ได้
ในที่นี้นั้นเอง. "
แม้ในวันที่ 2 ที่ 3 ที่ 8 เขาถูกพวกอาชีวกนั้น กล่าวอยู่แม้
มากอย่างนั้น ก็ยังกล่าว "ข้าพเจ้าจักอยู่ในที่นี้แหละ" ไม่ปรากฏนา
เพื่อจะไปบ้าน. พวกอาชีวิวก คิดว่า "อาชีวกนี้ ไม่ปรารถนาจะเข้า

บ้านทุกวัน ๆ ทีเดียว, ไม่ปรารถนาจะกลืนกินอาหารที่พวกเรานำมาให้
กล่าวอยู่ว่า 'อาหารเราได้แล้วในที่นี้เทียว; เขาทำอะไรหนอแล ? พวก
เราจักจับผิดเขา' ดังนี้แล้ว เมื่อจะเข้าไปสู่บ้าน เว้นคนไว้คนหนึ่ง
สองคน เพื่อจับผิด แม้ซึ่งอาชีวกนั้น จึงไป. อาชีวกเหล่านั้น เป็น
ราวกะไปข้างหลัง ซ่อนอยู่แล้ว. แม้เขา รู้ความที่อาชีวกเหล่านั้นไป
แล้ว ลงสู่เวจกุฎี กินคูถโดยนัยก่อนนั้นแล. พวกอาชีวกนอกนี้ เห็น
กิริยาของเขาแล้ว จึงบอกแก่อาชีวกทั้งหลาย. พวกอาชีวก ฟังคำนั้น
แล้ว คิดว่า " โอ กรรมหนัก; ถ้าสาวกของพระสมณโคดม พึง
รู้ไซร้, พึงประกาศความเสื่อมเกียรติของพวกเราว่า 'อาชีวกทั้งหลาย
เที่ยวกินคูถ; อาชีวกนี้ไม่สมควรแก่พวกเรา" จึงขับไล่เขาออกจาก
สำนักของตนแล้ว. เขาถูกพวกอาชีวกเหล่านั้นไล่ออกแล้ว. มีหินดาด
ก้อนหนึ่ง ที่เขาลาดไว้ในที่ถ่ายอุจจาระของมหาชน, มีกระพังใหญ่บน
แผ่นหินนั้น, มหาชนอาศัยหินดาดเป็นที่ถ่ายอุจจาระ. เขาไปในที่นั้น
กินคูถในกลางคืน ในกาลที่มหาชนมาเพื่อต้องการถ่ายอุจจาระ เหนี่ยว
ก้อนหินข้างหนึ่งด้วยมือข้างหนึ่ง ยกเท้าขึ้นข้างหนึ่งตั้งไว้บนเข่า ยืน
เงยหน้าอ้าปากอยู่. มหาชนเห็นเขาแล้ว เข้าไปหา ไหว้แล้ว ถามว่า
" ท่านผู้เจริญ เพราะเหตุไร พระผู้เป็นเจ้าจึงยืนอ้าปาก ?"
อาชีวก. (เพราะ) เรามีลมเป็นภักษา อาหารอย่างอื่นของเรา
ไม่มี.
มหาชน. เมื่อเช่นนั้น เพราะเหตุไร ท่านจึงยกเท้าข้างหนึ่งตั้งไว้
บนเข่ายืนอยู่เล่า ขอรับ ?
อาชีวก. เรามีตบะสูง มีตบะกล้า แผ่นดินถูกเราเหยียบด้วยเท้า

ทั้งสองย่อมหวั่นไหว; เพราะฉะนั้น เราจึงยกเท้าขึ้นข้างหนึ่งไว้บนเข่า
ยืนอยู่, ก็เราแลยืนอย่างเดียว ยิ่งกาลให้ล่วงไป ไม่นั่ง ไม่นอน.
ขึ้นชื่อว่าพวกมนุษย์โดยมาก มักเชื่อเพียงถ้อยคำเท่านั้น; เพราะ-
ฉะนั้น ชนชาวแคว้นอังคะและมคธะโดยมาก จึงลือกระฉ่อนว่า "แหม !
น่าอัศจรรย์จริง. ท่านผู้มีตบะชื่อแม้เห็นปานนี้ มีอยู่, ผู้เช่นนี้ พวกเรา
ยังไม่เคยเห็น" ดังนี้แล้ว ย่อมนำสักการะเป็นอันมากไปทุก ๆ เดือน.
อาชีวกนั้น กล่าวว่า "เรากินลมอย่างเดียว, ไม่กินอาหารอย่างอื่น.
เพราะเมื่อเรากินอาหารอย่างอื่น ตบะย่อมเสื่อมไป " ดังนี้แล้ว ไม่
ปรารถนาของอะไรๆ ที่พวกมนุษย์เหล่านั้นนำมา. พวกมนุษย์ อ้อนวอน
บ่อย ๆ ว่า " ท่านผู้เจริญ ท่านอย่าให้พวกกระผมฉิบหายเลย, การ
บริโภค อันคนผู้มีตบะกล้าเช่นท่านกระทำแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์
เพื่อความสุข แก่พวกกระผม สิ้นกาลนาน." อาชีวก กล่าวว่า "เรา
นั้นไม่ชอบใจอาหารอย่างอื่น" แต่ถูกมหาชนรบกวนด้วยการอ้อนวอน
จึงวางเภสัชมีเนยใสและน้ำอ้อยเป็นต้น อันชนเหล่านั้นนำมา ที่ปลายลิ้น
ด้วยปลายหญ้าคาแล้ว ส่งไป ด้วยคำว่า " พวกท่านจงไปเถิด, เท่านี้
พอละเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ท่านทั้งหลาย." อาชีวกนั้น
เป็นคนเปลือย เคี้ยวกินคูถ ถอนผม นอนบนแผ่นดิน ให้กาลล่วงไป
55 ปี ด้วยประการฉะนี้.

พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชัมพุกาชีวก


การตรวจดูสัตว์โลก ในเวลาใกล้รุ่ง1 เป็นพุทธกิจ แม้อัน
1. ปจฺจูสกาเล ปฏิ-อุส-กาล กาลเป็นที่กำจัดตอบซึ่งมืด.