เมนู

พระศาสดาทรงย่อชาดก


พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประมวล
ชาดก ตรัสว่า " พระราชา ในครั้งนั้น ได้เป็นโมคคัลลานะ, นารท-
อำมาตย์ ได้เป็นสารีบุตร, อันเตวาสิกชื่อกัปปกะ ได้เป็นอานนท์,
เกสวดาบส เป็นเราเอง " ดังนี้แล้ว ตรัสว่า อย่างนั้น มหาบพิตร
บัณฑิตในปางก่อน ถึงเวทนาปางตาย ได้ไปสู่ที่คนมีความคุ้นเคยกันแล้ว,
สาวกทั้งหลายของอาตมภาพ ชะรอยจะไม่ได้ความคุ้นเคยในสำนักของ
พระองค์."

พระราชาทรงส่งสาสน์ไปขอธิดาเจ้าศากยะ


พระราชาทรงดำริว่า เราควรจะทำความคุ้นเคยกับภิกษุสงฆ์,
เราจักทำอย่างไรหนอ ?" ดังนี้แล้ว ทรงดำริ ( อีก ) ว่า "ควรทำ
พระธิดาแห่งพระญาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไว้ในพระราชมนเฑียร,
เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกภิกษุหนุ่มและพวกสามเณร ( ก็จะ) คุ้นเคยแล้วมา
ยังสำนักของเราเป็นนิตย์ ด้วยคิดว่า "พระราชาเป็นพระญาติของพระ-
สัมมาสัมพุทธเจ้า" ดังนี้ ส่งพระราชสาสน์ไปสำนักเจ้าศากยะทั้งหลายว่า
" ขอเจ้าศากยะทั้งหลาย จงประทานพระธิดาคนหนึ่ง แก่หม่อมฉัน,"
แล้วรับสั่งบังคับทูตทั้งหลายว่า "พวกท่านพึงถามว่า 'เป็นพระธิดา
แห่งเจ้าศากยะองค์ไหน ?' แล้ว ( จึง ) มา."

เจ้าศากยะให้ธิดานางทาสีแก่พระเจ้าปเสนทิ


พวกทูตไปแล้ว ทูลขอเจ้าหญิง (คนหนึ่ง ) กะเจ้าศากยะทั้งหลาย
เจ้าศากยะเหล่านั้นประชุมกันแล้ว ทรงดำริว่า พระราชาเป็นฝักฝ่ายอื่น;

ผิว่า พวกเราจักไม่ให้ไซร้, ท้าวเธอจักทำให้เราฉิบหาย; ก็ (เมื่อว่า )
โดยสกุล ท้าวเธอไม่เสมอกับเราเลย; พวกเราควรทำอย่างไรกันดี ?"
ท้าวมหานาม ตรัสว่า "ธิดาของหม่อมฉัน ชื่อวาสภขัตติยา เกิด
ในท้องของนางทาสี ถึงความเป็นผู้มีรูปงามเลิศมีอยู่, พวกเราจักให้นาง
นั้น" ดังนี้แล้ว จึงรับสั่งกะพวกทูตว่า "ดีละ พวกเราจักถวายเจ้าหญิง
แด่พระราชา."
ทูต. เป็นพระธิดาของเจ้าศากยะองค์ไหน ?
เจ้าศากยะ. เป็นพระธิดาของท้าวมหานามศากยราช ผู้เป็นพระ
โอรสของพระเจ้าอาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อวาสภขัตติยา.
ทูตเหล่านั้นไปกราบทูลแด่พระราชา (ของตน.) พระราชาตรัส
ว่า " ถ้าอย่างนั้นก็ดีละ, พวกเธอจงรีบนำมาเถิด; ก็ธรรมดาพวกกษัตริย์
มีเล่ห์กลมาก ( จะ ) พึงส่งแม้ลูกสาวของนางทาสีมา (ก็อาจเป็นได้),
พวกท่านจงนำธิดาผู้เสวยอยู่ในภาชนะเดียวกันกับพระบิดามา " ดังนี้แล้ว
ทรงส่งทูตทั้งหลายไป.
พวกเขาไปแล้วกราบทูลว่า "ขอเดชะ พระราชาทรงปรารถนา
พระธิดาผู้เสวยร่วมกับพระองค์" ท้าวมหานามรับสั่งว่า " ได้ซิ พ่อ "
(จึง) ให้ตกแต่งนาง ในเวลาเสวยของพระองค์รับสั่งให้เรียกนางมา
แสดงอาการ (ประหนึ่ง) ร่วมเสวยกับนางแล้วมอบแก่ทูตทั้งหลาย.
พวกเขาพานางไปยังเมืองสาวัตถีแล้ว กราบทูลเรื่องราวนั้นแด่พระราชา.
พระราชาทรงพอพระทัย ตั้งให้นางเป็นใหญ่กว่าสตรี 500 คน
อภิเษกไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี. ต่อกาลไม่ช้านัก นาง (ก็) ประสูติ
พระโอรส มีวรรณะเหมือนทองคำ. ต่อมาในวันขนานพระนามพระโอรส

นั้น พระราชาทรงส่งพระราชสาสน์ไปสำนักพระอัยยิกาว่า "พระนาง
วาสภขัตติยา พระธิดาแห่งศากยราช ประสูติพระโอรสแล้ว, จะทรง
ขนานพระนามพระกุมารนั้นว่าอย่างไร ?"
ฝ่ายอำมาตย์ผู้รับพระราชสาสน์นั้นไป ค่อนข้างหูตึง. เขาไปแล้ว
ก็กราบทูลแก่พระอัยยิกาของพระราชา.

พระกุมารได้พระนามว่าวิฑูฑภะ


พระอัยยิกานั้นทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ตรัสว่า "พระนางวาสภ-
ขัตติยา แม้ไม่ประสูติพระโอรส ก็ได้ครอบครองชนทั้งหมด, ก็บัดนี้
นางจักเป็นที่โปรดปรานยิ่งของพระราชา."
อำมาตย์หูตึงฟังคำว่า " วัลลภา" ไม่ค่อยชัด เข้าใจว่า "วิฑูฑภะ"
ครั้นเข้าเฝ้าพระราชาแล้ว ก็กราบทูลว่า "ขอเดชะ ขอพระองค์จงทรง
ขนานพระนามพระกุมารว่า ' วิฑูฑภะ' เถิด."
พระราชาทรงดำริว่า "คำว่า 'วิฑูฑภะ.่ จักเป็นชื่อประจำ
ตระกูลเก่าของเรา" จึงได้ทรงขนานพระนามว่า " วิฑูฑภะ."

วิฑูฑภะเสด็จเยี่ยมศากยสกุล


ต่อมา พระราชาได้พระราชทานดำแหน่งเสนาบดีแก่วิฑูฑภกุมาร
นั้น ในเวลาที่ยังทรงพระเยาว์นั่นแล ด้วยตั้งพระทัยว่า "จะกระทำให้
เป็นที่โปรดปรานของพระศาสดา."
วิฑูฑภะนั้น ทรงเจริญด้วยเครื่องบำรุงสำหรับกุมาร ในเวลามี
พระชนม์ 7 ขวบ ทรงเห็นของเล่นต่าง ๆ มีรูปช้างและรูปม้าเป็นต้น